(22/10/61) วันจันทร์สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา : เศรษฐีคนหนึ่ง

   

รำพึงพระวาจาประจำวัน

วันที่ 22 ตุลาคม 2561

วันจันทร์สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

**นักบุญพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2**

[อฟ.2:1-10; สร้อยสดุดี 100:1-5;ลก.12:13-21]

เศรษฐี​คน​หนึ่ง (ลก.12:16)

 

       เศรษฐีในพระวรสารวันนี้เป็นคนโง่ เพราะเขาใช้ทรัพย์สมบัติที่มีเพื่อนตนเองแทนที่จะใช้ทรัพย์สมบัติเพื่ออาณารจักรของพระเจ้า <คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า>(ลก.12:21)

<พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา>(อฟ.2:4)พระองค์ประทาน<หรรษทานอันอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทุกยุคสมัย>(อฟ.2:7;3:8)พระองค์ <ประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ

ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง>(อฟ.1:18)

นี่คือสมบัติมีค่าอันประเมินค่าไม่ได้ของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เราทุกคน สมบัติที่มีค่านี้ไม่ใช่สมบัติฝ่ายโลก แต่เป็นสมบัติจะนำเราไปสู่บ้านแท้นิรันดร <จงขายทรัพย์สินของท่านและให้ทานจงหาถุงเงินที่ไม่มีวันชำรุดจงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้นในสวรรค์ที่นั่นขโมยเข้าไม่ถึงและแมลงขมวนไม่ทำลาย>(ลก.12:33)<ถ้าท่านอยากเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์จงไปขายทุกสิ่งที่มีมอบเงินให้คนยากจนและท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์แล้วจงติดตามเรามาเถิด>(มธ.19:21)<ให้ทำดีและมั่งคั่งด้วยกิจการที่ดีมีใจกว้างในการให้และพร้อมที่จะแบ่งปัน นี่เป็นวิธีสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในอนาคตเพื่อจะได้รับชีวิตที่แท้จริง>(1ทธ.6:18-19)

พระเยซูเจ้า <แม้ทรงร่ำรวยพระองค์ก็ยังทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์> (2คร.8:9)

ดังนั้น พระเจ้าต้องการให้คริสตชน เป็นเศรษฐีฝ่ายสวรรค์ เป็นเศรษฐีที่มั่งคั่งไปด้วยพระพร พระหรรษทานของพระองค์  ไม่ใช่เป็นเศรษฐีฝ่ายใช้ทรพัย์สมบัติเพื่อตนเอง<นับแต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าข้าพเจ้าจึงยอมสูญเสียทุกสิ่งข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปฏิกูลเพื่อจะได้องค์พระคริสตเจ้ามาเป็นกำไร>(ฟป.3:8)

 

 

มื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด

พระองค์ก็ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า

                                                     (อฟ.2:5)
 

คุณพ่อเอนก นามวงษ์

รำพึงพระวาจาประจำวันได้ที่ www.kamsonchan.com

 

 

   

 

เศรษฐีในพระวรสารวันนี้เป็นคนโง่ เพราะเขาใช้ทรัพย์สมบัติที่มีเพื่อนตนเองแทนที่จะใช้ทรัพย์สมบัติเพื่ออาณารจักรของพระเจ้า <คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า>(ลก.12:21)

<พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา>(อฟ.2:4)พระองค์ประทาน<หรรษทานอันอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทุกยุคสมัย>(อฟ.2:7;3:8)พระองค์ <ประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ

ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง>(อฟ.1:18)

นี่คือสมบัติมีค่าอันประเมินค่าไม่ได้ของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เราทุกคน สมบัติที่มีค่านี้ไม่ใช่สมบัติฝ่ายโลก แต่เป็นสมบัติจะนำเราไปสู่บ้านแท้นิรันดร <จงขายทรัพย์สินของท่านและให้ทานจงหาถุงเงินที่ไม่มีวันชำรุดจงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้นในสวรรค์ที่นั่นขโมยเข้าไม่ถึงและแมลงขมวนไม่ทำลาย>(ลก.12:33)<ถ้าท่านอยากเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์จงไปขายทุกสิ่งที่มีมอบเงินให้คนยากจนและท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์แล้วจงติดตามเรามาเถิด>(มธ.19:21)<ให้ทำดีและมั่งคั่งด้วยกิจการที่ดีมีใจกว้างในการให้และพร้อมที่จะแบ่งปัน นี่เป็นวิธีสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในอนาคตเพื่อจะได้รับชีวิตที่แท้จริง>(1ทธ.6:18-19)

พระเยซูเจ้า <แม้ทรงร่ำรวยพระองค์ก็ยังทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์> (2คร.8:9)

ดังนั้น พระเจ้าต้องการให้คริสตชน เป็นเศรษฐีฝ่ายสวรรค์ เป็นเศรษฐีที่มั่งคั่งไปด้วยพระพร พระหรรษทานของพระองค์  ไม่ใช่เป็นเศรษฐีฝ่ายใช้ทรพัย์สมบัติเพื่อตนเอง<นับแต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าข้าพเจ้าจึงยอมสูญเสียทุกสิ่งข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปฏิกูลเพื่อจะได้องค์พระคริสตเจ้ามาเป็นกำไร>(ฟป.3:8)

 

 

มื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด

พระองค์ก็ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า

(อฟ.2:5)