ชีวิตจิตของนักบุญโฟสตินา: ความล้ำลึกแห่งพระเมตตาของพระเจ้า (ตอนที่ ๑)

ชีวิตจิตของนักบุญโฟสตินา: ความล้ำลึกแห่งพระเมตตาของพระเจ้า (ตอนที่ ๑)

คุณพ่อเอนก นามวงษ์

                ในส่วนลึกของคริสตชนทุกคน มีธรรมชาติที่จะแสวงหาพระเจ้าหรือไม่ก็มีใจที่ปรารถนาจะรู้จักพระเจ้า ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าคริสตชนเราได้ถูกสร้างตามพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าพระเจ้าตรัสว่า เราจงสร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา (ปฐก.๑:๒๖) 

                และพระเจ้าได้เติมเต็มความปรารถนาและธรรมชาติที่จะแสวงหาพระองค์ในใจมนุษย์ทั้งปวง จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวชาวโรม ท่านได้เขียนไว้ว่า ตั้งแต่เมื่อทรงสร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือพระอานุภาพนิรันดรและเทภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่ทรงสร้าง ดังนั้น คนเหล่านี้จึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ(รม.๑: ๒๐)

                อาศัยพระพรและพระหรรษทานแห่งความเชื่อ พระเจ้าเผยแสดงพระองค์ให้แก่คริสตชน สามารถเข้าถึงและรู้จักพระเจ้าได้ พระยาห์เวห์ทรงสนทนากับโมเสสตามลำพังเหมือนเพื่อนคุยกัน(อพย.๓๓: ๑๑)ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่านเราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา(ยน. ๑๕: ๑๔-๑๕)

                ตลอดประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเจ้าได้เผยแสดงพระองค์เองและแผนการแห่งความรอดสำหรับมนุษย์ในหลาย ๆ หนทาง เช่น ผ่านทางบรรดาประกาศก ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลายวิธี(ฮบ.๑: ๑)

                สังฆธรรมนูญเรื่อง “การเผยความจริงของพระเจ้า” (Dei Verbum)ข้อ เขียนว่า “พระเจ้าทรงพระทัยดีและปรีชาญาณทรงมีพระประสงค์ที่จะแสดงพระองค์แก่มนุษย์ ให้มนุษย์รู้ถึงแผนการอันเร้นลับของพระองค์คือการที่โดยทางพระคริสตเจ้าองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงรับเอาร่างกายมนุษย์สามารถเข้าถึงพระบิดาเจ้าในองค์พระจิตเจ้า  และมีส่วนในพระธรรมชาติพระเจ้าได้เพราะฉะนั้นอาศัยการเผยนี้    พระเจ้าซึ่งมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ตรัสกับมนุษย์อย่างเพื่อน  ด้วยความรักอันล้นเหลือของพระองค์  และประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาเพื่อจะได้ทรงเชิญและรับเขาเข้ามาสนิทกับพระองค์แผนการเผยนี้สำเร็จไปด้วยกิจการและพระวาจาซึ่งเกี่ยวเนื่องกันอย่างลึกซึ้งจนว่ากิจการที่พระเจ้าทรงทำในประวัติศาสตร์แห่งความรอดนั้นแสดงและยืนยันคำสั่งสอนและความจริงที่พระวาจาหมายถึงส่วนพระวาจาก็ประกาศถึงกิจการและอธิบายข้อเร้นลับในกิจการเหล่านั้นให้แจ่มแจ้ง  อาศัยการเผยนี้   ความจริงอันลึกซึ้งเกี่ยวกับพระเจ้าและเกี่ยวกับความรอดพ้นของมนุษย์จึงส่องสว่างให้กับเราเดชะพระคริสตเจ้าซึ่งทรงเป็นคนกลางและทรงเป็นผู้เผยสมบูรณ์ที่สุดในเวลาเดียวกันด้วย

                จากสังฆธรรมนูญ พระวาจาและกิจการของพระเจ้า ได้เขียนในหนังสือพระคัมภีร์ทั้งภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่  หนังสือพระคัมภีร์ทำให้คริสตชนมีความรู้ถึงพระเจ้าและรู้ถึงแผนการของพระองค์สำหรับมนุษย์

พระเจ้า เป็นใคร?

                หลายๆ คนคงจะถามคำถามนี้กัน ไม่ยกเว้นแม้แต่นักบุญโฟสตินา ท่านนักบุญได้ถามตนเอง ท่านได้เขียนบันทึกไว้ว่า  มีอยู่คราวหนึ่งที่ดิฉันกำลังพิจารณาเรื่องพระตรีเอกภาพถึงพระธรรมชาติของพระเจ้า ดิฉันอยากรู้จักพระเจ้าและหยั่งถึงพระองค์ให้ถ่องแท้แน่นอน... ชั่วอึดใจเดียว จิตดิฉันก็ถูกฉวยไปยังสถานที่ที่ดูเหมือนกับเป็นโลกหน้า ดิฉันเห็นความสว่างที่เข้าไม่ถึง ในความสว่างนี้ดูเหมือนว่ามีสามต้นธารความสว่าง ซึ่งดิฉันไม่สามารถเข้าใจได้ และมีคำพูดออกมาจากความสว่างนั้นในรูปสายฟ้าโอบรอบท้องฟ้าและแผ่นดิน ความที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างทำให้ดิฉันเศร้ามาก ทันใดนั้น พระผู้ช่วยให้รอดที่รักยิ่งของเราเสด็จออกมาจากความสว่างเหลือล้นที่เข้าไม่ถึงนี้ ทรงงดงามสุดที่จะอธิบายได้บาดแผลของพระองค์ส่องสว่างรุ่งโรจน์แล้วมีเสียงจากความสว่างนี้กล่าวว่าพระเจ้าเป็นใครนั้น ไม่มีใครหยั่งถึงแก่นแท้ของพระองค์ได้ ไม่ว่าจะด้วยปัญญาของทูตสวรรค์หรือของมนุษย์พระเยซูเจ้าตรัสกับดิฉัน จงมารู้จักพระเจ้าโดยการเพ่งพิศใคร่ครวญคุณลักษณะทั้งหลายของพระองค์เถิดหลังจากนั้นชั่วขณะ พระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ทำสำคัญมหากางเขนแล้วก็หายไป (บันทึกวิญญาณนักบุญโฟสตินาข้อ ๓๐)

                จากการบรรยายประสบการณ์ชีวิตจิตของนักบุญโฟสตินา จะพบว่า ไม่มีใครหยั่งถึงแก่นแท้ของพระองค์ได้พระเยซูเจ้าได้ตรัสแนะนำกับนักบุญโฟสตินา แทนที่จะแสวงหาพระเจ้าเป็นใคร ให้แสวงหาและรู้จักคุณลักษณะทั้งหลายของพระองค์

                โดยการใคร่ครวญและรำพึงของนักบุญโฟสตินา ท่านได้บันทึกคุณลักษณะของพระเจ้าไว้ดังนี้

คุณลักษณะของพระเจ้า (อ่านต่อฉบับหน้า)