เดินตามรอยเท้ามรณสักขีของท่าน (Follow in the footsteps of your martyrs)
เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2022 พระสันตะปาปาทรงต้อนรับคณะผู้แสวงบุญจากประเทศเอลซัลวาดอร์ (El Salvador) เพื่อร่วมพิธีแต่งตั้งบุญราศีมรณสักขีจำนวน 4 องค์ คือ
1) คพ.รูติลิโอ แกรนด์ การ์เซีย (Rutilio Grande García)
2) คอสเม สเปสซอตโต้ (Cosme Spessotto)
3) มานูเอล โซโลร์ซาโน (Manuel Solórzano)
4) เนลสัน รูติลิโอ เลมัส (Nelson Rutilio Lemus)
มรณสักขีเปรียบประดุจของขวัญจากพระเจ้า (Martyrs, a gift from the Lord)
คุณค่าในเลือดของบรรดามรณสักขีทั้งหลาย ได้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระโลหิตขององค์พระผู้ไถ่ เป็นการกระทำของผู้ที่เป็นศิษย์และผู้รับใช้ ที่ได้เลียนแบบผู้ที่เป็นอาจารย์ของตนอย่างเป็นพระธรรมล้ำลึก เปรียบได้กับหยดพระโลหิตของพระเยซูเจ้าในสวนเกทเสมนีที่ได้หลั่งออกมา 4 หยด ดุจดังอัญมณีมีค่าจำนวน 4 เม็ด ที่ประดับประดาอยู่บนเสื้อคลุมของพระองค์
แบบอย่างของพวกท่านจะต้องหยั่งรากลึกลงไปในหมู่คณะของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักบุญออสการ์ โรเมโร (St. Oscar Romero) ซึ่งเป็นผลแรกของการฟื้นฟูการก่อตั้งพระศาสนจักรขึ้นมาใหม่ ได้กล่าวไว้ในพิธีปลงศพของบุญราศีคุณพ่อติลิโอ แกรนด์ การ์เซีย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1977
น.ออสการ์ โรเมโร (Saint Oscar Romero)
ในวันนั้น (14 มีนาคม 1977) นักบุญออสการ์ ได้สรุปบทเทศน์ของท่านว่า “ให้เราเข้าใจพระศาสนจักรนี้ ให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากความรักนี้ ให้เราได้ดำเนินชีวิตตามความเชื่อ และข้าพเจ้ามั่นใจว่า จะมีหนทางออกสำหรับปัญหาอันยิ่งใหญ่ของเรา”
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวว่า ถ้อยคำของนักบุญออสการ์เหล่านี้ สมควรที่จะได้รับการไตร่ตรองอีกครั้งหนึ่ง ถึงเลือดของบรรดามรณสักขี พระเจ้าได้ประกาศถึงพระศาสนจักรในประเทศเอลซัลวาดอร์
และเมื่อเราได้ไตร่ตรองถึงการก้าวเดินไปด้วยกันของพระศาสนจักร บรรดามรณสักขีได้เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดให้กับเราในการก้าวเดินไปด้วยกัน ซึ่งหมายถึงพวกเราทุกคน บรรดาบิชอป บาทหลวง และผู้ที่ทำงานอภิบาล จึงควรขอพระเจ้าให้เรากระทำตามนั้นเช่นเดียวกัน ด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ความเชื่อ ความรัก ที่เรามีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนพี่น้องของเรามาเป็นอันดับแรก การดำเนินชีวิตในความหวัง อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เพราะนี่คือการดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ซึ่งไม่เป็นเพียงแค่การได้อ่านจากหนังสือเท่านั้น แต่จากชีวิตจริงของบรรดามรณสักขีทั้งหลาย ผู้ซึ่งได้มอบแบบอย่างของการดำเนินชีวิตให้กับเรา
กางเขนของพระคริสตเจ้าคือกางเขนของทุกคน (Jesus' cross is everyone's cross)
นี่เป็นกางเขนของพระศาสนจักร เช่นเดียวกับพระกายของพระคริสตเจ้า ผู้ที่ติดตามพระองค์ด้วยการเสียสละจนถึงที่สุดด้วยความรัก ตามคำสั่งสอนของพระองค์ เราแต่ละคนจะต้องแบกกางเขนนี้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อธิษฐานภาวนาให้กับผู้ที่อยู่ในความยากลำบาก และขอบพระคุณพระเจ้าที่เราสามารถก้าวเดินไปด้วยกัน ในฐานะที่เป็นประชากรที่ศักดิ์สิทธิ์และซื่อสัตย์
การเป็นประจักษ์ให้แก่คนอื่น แม้ว่าเราแต่ละคนจะมีความอ่อนแอ เพื่อว่าผู้อื่นจะได้รับการปลอบประโลม ท่ามกลางความแปรปรวนในชีวิตของพวกเขาเช่นเดียวกัน ...