ก้าวไปกับโป๊ป #229 : เราทุกคนถูกเรียกให้มาเป็นอัครสาวกของพระเยซูเจ้า

เราทุกคนถูกเรียกให้มาเป็นอัครสาวกของพระเยซูเจ้า (We are all called to be apostles)

เมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม 2023 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสอนคำสอนต่อเนื่องในหัวข้อ “แรงบันดาลในการประกาศข่าวดี” โดยเน้นย้ำว่า เราแต่ละคน ทั้งพระสงฆ์ นักบวช และคริสตชนฆราวาส ได้รับการเรียกจากพระเยซูเจ้าให้มาเป็นอัครสาวกของพระองค์

อัครสาวกคืออะไร? (What is an apostle?)

คุณลักษณะประการแรก คือ การถูกส่งออกไปเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตามที่พระเยซูเจ้าตรัส “พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด ข้าพเจ้าจึงส่งท่านไปฉันนั้น” (ยอห์น 20:21)

คณะลักษณะประการที่สอง คือ ได้รับกระแสเรียกให้ออกไปประกาศ เมื่อพระเยซูเจ้า “ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์มาหาพระองค์ แล้วพวกเขาก็มาหาพระองค์” (มก 3:13) ดังที่นักบุญเปาโลได้แนะนำตัวเองว่า “ข้าพเจ้า ‘เปาโล’ ผู้ได้รับเรียกตามพระประสงค์ของพระเจ้าให้เป็นอัครสาวกของพระเยซูเจ้า” (1 คร 1:1 และ รม 1:1)

การเรียกสากลสู่การเป็นอัครสาวก (The universal call to apostleship)

คริสตชนทุกคนได้รับการเรียกนี้ จากพระราชกฤษฎีกากิจกรรมการแพร่ธรรม (Apostolicam actuositam) ของสังคายนาวาติกันที่สอง กล่าวว่า กระแสเรียกของการเป็นคริสชนโดยธรรมชาติแล้วเป็นกระแสเรียกของผู้แพร่ธรรมด้วย ด้วยเหตุนี้ การเรียกให้เป็นอัครสาวก จึงเกี่ยวข้องกับทั้งผู้ที่ได้รับศีลบรรพชา ผู้ที่ถวายตนแด่พระเจ้า (นักบวช) และคริสตชนฆราวาสทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิง

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กระแสเรียกของพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส ไม่มีความแตกต่างกัน เป็นกระแสเรียกหนึ่งเดียวกันเพื่อมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่แตกต่างกันในรูปแบบของวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งทำให้มีพันธกิจที่แตกต่างกันตามบริบทชีวิตของตน

ความร่วมมือกันระหว่างคริสตชนฆราวาสกับพระสงฆ์นักบวช (Collaboration between laity and hierarchy)

การทำงานร่วมกันระหว่างพระสงฆ์นักบวชในพระศาสนจักรกับคริสตชนฆราวาส ไม่เพียงเป็นแค่การปรับเชิงกลยุทธ์ เพื่อรับมือร่วมกันในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรเท่านั้น แต่เป็นการทำให้ชีวิตของพระศาสนจักรมีความสมบูรณ์ เมื่อพระสงฆ์ นักบวช และคริสตชนฆราวาส ทำงานร่วมกัน เป็นการทำให้พระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้ามีความสมบูรณ์ (Ad gentes ข้อ 21)

นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญมาก และเพื่อให้แน่ใจว่า ความหลากหลายของความสามารถพิเศษ และการปฏิบัติศาสนกิจ จะไม่ก่อให้เกิดกลุ่มที่มีสิทธิพิเศษภายในคณะสงฆ์ ไม่มีใครมีศักดิ์ศรีมากกว่ากันในศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นท่านบิชอป พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง แต่เราทุกคนเป็นคริสตชนในการรับใช้ผู้อื่น ... เราทุกคนจึงเท่าเทียมกัน

ข้อสังเกตเกี่ยวกับอาร์เจนตินาและยูเครน (Remarks on Argentina and Ukraine)

หลังจากทรงสอนคำสอนเสร็จแล้ว พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวถึงเรื่องการเมือง พระองค์ตรัสเป็นภาษาสเปนขอบคุณผู้นำชาวอาร์เจนติน่า ที่อวยพรให้พระองค์ในวันครบรอบ 10 ปี ที่ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา และสนับสนุนให้พวกเขาทำงานร่วมกันท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เป็นเรื่องดีที่คุณมารวมตัวกันเพื่อพูดคุย ปรึกษาหารือ และนำพาประเทศไปข้างหน้า

จากนั้นพระองค์ทรงตรัสถึงประเทศยูเครน ประเทศที่อยู่ในคำอธิษฐานภาวนาของพระองค์และผู้แสวงบุญนับตั้งแต่ได้เกิดสงครามขึ้น โดยทรงวอนขอฝ่ายที่ทำสงคราม ให้เคารพสถานที่สำคัญทางศาสนา