บทที่ 3.1 “ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ สากล”



ตอนที่ 2 การประกาศความเชื่อของคริสตชน 
(จากหนังสือประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  ข้อที่ 33-217)

           

บทที่ 3 ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระจิต

บทที่ 3.1 ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ สากล”

พระศาสนจักรในแผนการของพระเจ้า

คำว่าพระศาสนจักร หมายความว่าอะไร

       หมายความถึงประชากรที่พระเจ้าทรงเรียกมาชุมนุมกัน จากทุกเขตแดนแผ่นดินพวกเขาจัดตั้งชุมชนที่จะกลายเป็นบุตรของพระเจ้า อาศัยความเชื่อและศีลล้างบาป

มีชื่ออื่นหรือภาพพจน์อื่นๆ ที่พระคัมภีร์ใช้เพื่อบ่งบอกถึงพระศาสนจักรหรือ

       พันธสัญญาเดิมชอบใช้ภาพพจน์ของประชากรของพระเจ้า พันธสัญญาใหม่ยกภาพพจน์ที่เชื่อมโยงกับพระคริสตเจ้าในฐานะศีรษะของประชากรนี้ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์

ต้นกำเนิดและความสำเร็จสมบูรณ์ของพระศาสนจักรคืออะไร

       คือ แผนการนิรันดรของพระเจ้า ซึ่งได้รับการเตรียมไว้ในพันธสัญญาเดิมด้วยการเลือกสรรชาวอิสราเอล เครื่องหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกันในอนาคตของชนทุกชาติทุกภาษา ถูกกระทำให้เป็นจริงขึ้นมาโดยทางการสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่กู้และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ พระศาสนจักรถูกแสดงให้เป็นดั่งธรรมล้ำลึกแห่งความรอดพ้นโดยทางการหลั่งลงมาของพระจิตในวันสมโภชพระจิต จะสำเร็จสมบูรณ์ในโรจนาการแห่งสวรรค์ในฐานะชุมชนของทุกคนที่ได้รับการไถ่กู้บนโลกนี้

พันธกิจของพระศาสนจักรคืออะไร

       การประกาศและสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงเริ่มต้นไว้แล้วในชนชาติต่างๆ พระศาสนจักรเท่ากับเมล็ดพันธุ์ และการเริ่มของพระอาณาจักรที่ช่วยให้รอดพ้นบนแผ่นดินนี้

พระศาสนจักรเป็นธรรมล้ำลึก หมายความว่าอะไร

       ในฐานะที่เป็นความจริงที่มองเห็นได้ ซึ่งคงอยู่และทำงานในความจริงฝ่ายจิต ฝ่ายพระเจ้า ซึ่งมองเห็นได้ด้วยสายตาแห่งความเชื่อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

พระศาสนจักรเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์สากลแห่งความรอดพ้นหมายความว่าอะไร

       พระศาสนจักรเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือของการคืนดีและของความสนิทสัมพันธ์ของมนุษยชาติทั้งครบกับพระเจ้า และของการเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติ

พระศาสนจักร ประชากรของพระเจ้า พระกายของพระคริสตเจ้า พระวิหารของพระจิต

พระศาสนจักรเป็น “ประชากรของพระเจ้า” ด้วยเหตุใด

     เพราะทรงพอพระทัยที่จะทำให้มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์และช่วยเขาให้รอดพ้น ด้วยการรวมเข้าเป็นประชากรเดียวกันรวมเขาเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระบิดา พระบุตร และพระจิต

คุณลักษณะของประชากรของพระเจ้าคืออะไร

       บุคคลหนึ่งเข้าเป็นสมาชิกต้องผ่านทางความเชื่อในพระคริสตเจ้าและการล้างบาป เขามีต้นกำเนิดอยู่ในพระเจ้าพระบิดา โดยมีพระเยซูคริสตเจ้าเป็นหัวหน้า มีศักดิ์ศรีและบัญญัติใหม่แห่งความรักเป็นกฎหมาย เป็นเกลือและเป็นแสงสว่างส่องโลกสำหรับพันธกิจ มีพระอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งได้เริ่มต้นแล้วบนโลกนี้เป็นเป้าหมาย

ประชากรของพระเจ้ามีส่วนร่วมในหน้าที่สามประการของพระคริสตเจ้าคือ สงฆ์ ประกาศกและกษัตริย์ ในลักษณะใด

       หน้าที่สงฆ์ของพระคริสตเจ้าในฐานะผู้รับศีลล้างบาป หน้าที่ประกาศกในฐานะความหมายเหนือธรรมชาติของความเชื่อ เขายึดมั่นในความเชื่อนั้นอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หน้าที่กษัตริย์ของพระองค์ด้วยการรับใช้ ด้วยการเลียนแบบอย่างพระคริสตเจ้า

พระศาสนจักรเป็นพระกายของพระคริสตเจ้าในลักษณะใด

       อาศัยพระจิตเจ้า พระคริสตเจ้าผู้ทรงพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงสนิทสัมพันธ์กับบรรดาสัตบุรุษของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศีลมหาสนิทพวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักเมตตา รวมเป็นร่างกายเดียวคือพระศาสนจักร การเป็นหนึ่งเดียวกันถูกทำให้เป็นจริงขึ้นมาในความหลากหลายของสมาชิกและของหน้าที่การงาน

ใครคือศีรษะของร่างกายนี้

     พระคริสตเจ้า “ทรงเป็นศีรษะของร่างกายคือพระศาสนจักร” (คส 1:18) พระศาสนจักรมีชีวิตจากพระองค์ ในพระองค์และเพื่อพระองค์ พระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักรรวมเป็น “พระคริสตเจ้าทั้งครบ”

ทำไมจึงเรียกพระศาสนจักรว่าเป็น “เจ้าสาวของพระคริสตเจ้า”

      เพราะพระเยซูเจ้าได้ทรงนิยามพระองค์เองว่าเป็น “เจ้าบ่าว” (มก 2:19) ผู้ทรงรักพระศาสนจักร ด้วยการรวมพระองค์เข้ากับพระศาสนจักรตลอดนิรันดร ทรงมอบพระองค์เองเพื่อพระศาสนจักร คำว่า “เจ้าสาว” แสดงถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ด้วยในความสัมพันธ์ส่วนบุคคล

ทำไมจึงเรียกพระศาสนจักรว่าเป็นวิหารของพระจิตเจ้า

       เนื่องจากพระจิตเจ้าทรงพำนักในร่างกายคือพระศาสนจักร คือทั้งในศีรษะและในอวัยวะต่างๆ

พระพรพิเศษต่างๆ คืออะไร

       คือ ของขวัญพิเศษจากพระจิตเจ้าที่ประทานแก่ปัจเจกบุคคล เพื่อความดีของมนุษย์ เพื่อความจำเป็นของโลก และเป็นพิเศษเพื่อเสริมสร้างพระศาสนจักร

พระศาสนจักรหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากลและสืบจากอัครสาวก

พระศาสนจักรเป็นหนึ่งเดียวด้วยเหตุใด

       เพราะมีต้นกำเนิดและแบบฉบับในความเป็นหนึ่งเดียวของพระเป็นเจ้าเดียวในสามพระบุคคล   มีพระเยซูคริสตเจ้าเป็นผู้สถาปนาพระศาสนจักรและศีรษะ มีพระจิตเจ้ารวมสัตบุรุษทุกคนไว้ในความสนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรมีความเชื่อหนึ่งเดียว ชีวิตศีลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวสืบเนื่องจากอัครสาวกหนึ่งเดียว ความหวังร่วมกันหนึ่งเดียวและความรักเดียวกัน

พระศาสนจักรหนึ่งเดียวของพระคริสตเจ้าดำรงอยู่ได้อย่างไร

       ในฐานะเป็นสังคมที่ได้รับการก่อตั้งและจัดระเบียบขึ้นในโลก ดำรงอยู่ในพระศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งปกครองโดยผู้สืบตำแหน่งของนักบุญเปโตรและบรรดาพระสังฆราชในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ด้วยวิธีการนี้เท่านั้นที่พระศาสนจักรสามารถรับความสมบูรณ์ในวิธีการของความรอดพ้นได้

เราถือคริสตชนที่ไม่ได้เป็นคาทอลิกว่าอย่างไร

       เรายอมรับพวกเขาเสมือนเป็นพี่น้อง

เพื่อให้เกิดเอกภาพของคริสตชนเราต้องทำอย่างไร

       เอกภาพของคริสตชนเป็นพระพรของพระคริสตเจ้า และจะเกิดขึ้นได้ด้วยการกลับใจ การสวดภาวนา การยอมรับซึ่งกันและกันฉันพี่น้อง และการเสวนาด้านเทววิทยา

พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ หมายความว่าอะไร

       พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์เพราะพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเป็นผู้ริเริ่ม พระคริสตเจ้าประทานพระองค์เองแก่พระศาสนจักรเพื่อทำให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์และเพื่อทำให้ผู้อื่นศักดิ์สิทธิ์ พระจิตทรงทำให้พระศาสนจักรมีชีวิตด้วยความรัก  ความศักดิ์สิทธิ์เป็นกระแสเรียกของสมาชิกทุกคนและเป็นเป้าหมายของทุกกิจกรรมของพระศาสนจักร พระศาสนจักรถือว่าในระหว่างสมาชิกทั้งหลายพระนางพรหมจารีมารีย์และนักบุญทั้งหลายเป็นแบบฉบับ และเป็นผู้วิงวอนแทนความศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักรเป็นบ่อเกิดของการทำให้บรรดาบุตรของตนศักดิ์สิทธิ์ ผู้ซึ่งทุกคนขณะที่อยู่บนโลกนี้ถือว่าเป็นคนบาปที่ต้องการการกลับใจ และการชำระให้บริสุทธิ์

พระศาสนจักรเป็น “สากล” ด้วยเหตุใด

       พระศาสนจักรเป็นคาทอลิก คือเป็นสากล เนื่องจากพระคริสตเจ้าประทับอยู่ในพระศาสนจักร “ที่ใดมีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ ที่นั่นคือพระศาสนจักรคาทอลิก” (นักบุญอิกญาซีโอ แห่งอันทิโอก) พระคริสตเจ้าทรงส่งพระศาสนจักรไปแพร่ธรรมให้กับมนุษย์ทุกคน

พระศาสนจักรเฉพาะแห่งเป็นคาทอลิกหรือ

        พระศาสนจักรเฉพาะแห่ง (คือสังฆมณฑลหรือเขตการปกครอง) เป็นคาทอลิกซึ่งรวมเป็นชุมชนคริสตชนที่สนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมกับพระสังฆราชที่สืบตำแหน่งต่อจากอัครสาวกและกับพระศาสนจักรของกรุงโรม

ใครบ้างที่ขึ้นกับพระศาสนจักรคาทอลิก

       มนุษย์ทุกคนขึ้นกับพระศาสนจักรคาทอลิกในรูปแบบต่างกัน หรือต่างก็มุ่งไปสู่เอกภาพอันเป็นสากลแห่งประชากรของพระเป็นเจ้ารวมกันอย่างสมบูรณ์ในพระศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งด้วยการมีพระจิตของ  พระคริสตเจ้าก็สัมพันธ์กับพระศาสนจักรคาทอลิกอาศัยสายสัมพันธ์ซึ่งเกิดจากการยืนยันความเชื่อศีลศักดิ์สิทธิ์

ความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรคาทอลิกกับประชากรชาวยิวเป็นอย่างไร

       พระศาสนจักรคาทอลิกสำนึกว่าตนมีความสัมพันธ์พิเศษกับประชากรชาวยิวในความจริงที่ว่า พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรพวกเขาก่อนผู้อื่นให้รับพระวาจาของพระองค์

สายสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรคาทอลิกกับศาสนาที่ไม่ใช่ชาวคริสต์เป็นอย่างไร

       พระศาสนจักรคาทอลิกยอมรับว่าความดีและความจริงที่มีอยู่ในศาสนาอื่นๆ ต่างก็มาจากพระเจ้าทั้งสิ้น และเป็นการสะท้อนให้เห็นความจริงของพระองค์ ในลักษณะเช่นนี้สามารถเตรียมให้รับพระวรสาร และการทำหน้าที่เป็นประดุจสิ่งเร้า เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติในพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า

คำยืนยันว่า “นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอดพ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร

       ความรอดทั้งหมดมาจากพระคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้าโดยอาศัยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่รู้ว่าพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งจากพระคริสตเจ้าและจำเป็นสำหรับความรอดพ้น แต่ไม่ยอมเข้าร่วมหรือไม่ยอมพากเพียรก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในขณะเดียวกันโดยอาศัยพระบารมีของพระคริสตเจ้าและของพระศาสนจักร แม้บางคนที่ไม่รู้ข่าวดี โดยไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แต่แสวงหาพระเจ้าด้วยความจริงใจ ภายใต้อิทธิพลแห่งพระหรรษทาน การบังคับน้ำใจของตนให้กระทำตามคำสั่งของมโนธรรมก็สามารถเข้าสู่ความรอดนิรันดรได้

ทำไมพระศาสนจักรจึงต้องประกาศพระวรสารไปทั่วโลก

       พระศาสนจักรต้องกระทำเพราะพระคริสตเจ้าทรงบัญชาว่า “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติ ให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขา เดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต” (มธ 28:19)

พระศาสนจักรเป็นธรรมทูตแบบใด

       ด้วยการนำของพระจิต พระศาสนจักรดำเนินพันธกิจของพระคริสตเจ้าเองต่อไปในประวัติศาสตร์ ดังนั้น คริสตชนจึงต้องประกาศข่าวดีที่ได้รับมาจากพระคริสตเจ้าแก่ทุกคน พวกเขาต้องพร้อมเพื่อมอบตนเป็นเครื่องบูชาแม้กระทั่งการเป็นมรณสักขี

พระศาสนจักรสืบจากอัครสาวกเพราะเหตุใด

       เพราะเป็นต้นกำเนิดของตน ได้ถูกสร้างขึ้น “โดยมีอัครสาวกเป็นรากฐาน”  (อฟ 2:20) เนื่องจากคำสอนของตนเป็นคำสอนเดียวกันกับของบรรดาอัครสาวก เนื่องจากโครงสร้างของตน ในฐานะที่ถูกสถาปนาขึ้นและถูกปกครองโดยบรรดาอัครสาวกและผู้สืบตำแหน่งของท่านคือ พระสังฆราช

พันธกิจของบรรดาอัครสาวกมีอะไรบ้าง

       คำว่า อัครสาวก (Apostle) หมายความว่า “ผู้ถูกส่งไป” พระเยซูเจ้าคือผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา ทรงเลือกเอาสิบสองคนจากบรรดาศิษย์ของพระองค์ แล้วทรงตั้งพวกเขาให้เป็นอัครสาวกทรงกระทำให้พวกเขาเป็นประจักษ์พยานที่ได้รับเลือกสรรแห่งการกลับคืนพระชนมชีพ และวางรากฐานของพระศาสนจักรของพระองค์

การสืบต่อจากอัครสาวกหมายความว่าอะไร

       คือการส่งผ่านทางศีลบวช ซึ่งพันธกิจและอำนาจของอัครสาวกมายังผู้สืบตำแหน่งของท่านคือ บรรดาพระสังฆราช 

           

แบบฝึกหัดบทที่ 3.1 “ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ สากล”