ชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้า (ตอนที่ 2)

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

         ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว ก่อนที่พระเยซูจะทำพิธีล้างที่แม่น้ำจอร์แดน พระองค์ภาวนาและโดยการนำของพระจิตเจ้า พระเยซูได้รับการเจิม เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าพระองค์จะกระทำพันธกิจของพระบิดาที่ได้มอบหมายให้พระองค์บนโลกนี้

         ในช่วงชีวิตของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ปลีกตัว อยู่ตามลำพังบ่อยครั้ง การอยู่ตามลำพังของพระเยซูเจ้าพระองค์กระทำด้วยใจอิสระ ด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่เพราะอัครสาวกไม่ได้อยู่กับพระองค์หรือเบื่อที่จะทำภารกิจของพระบิดา ในพระวรสารจะพบว่าพระองค์ปลีกตัวไปภาวนาตั้งแต่เช้าตรู่หรือช่วงเวลาค่ำ ๆ พระองค์ขึ้นไปภาวนาบนภูเขาบ้าง ไปสถานที่ที่พระวรสารเรียกว่า “ที่เปลี่ยว” บ้าง

         มัทธิว14:23 เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพังครั้นเวลาค่ำ พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว,

         มารโก1:35 วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น,

         มารโก 6:46 เมื่อทรงอำลาจากเขาแล้ว  พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนา,

         ลูกา5:16 พระองค์เสด็จไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนา

         ชีวิตการปฏิบัติภาวนาของพระเยซูเจ้า เป็นตัวอย่างที่สำคัญของบรรดาคริสตชนจะต้องเลียนแบบ เราสามารถภาวนาเป็นกลุ่มก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ หรือหากจำเป็น คริสตชนต้องหาสถานที่สงบเงียบ สถานที่ที่เหมาะแก่การภาวนา

         หากคริสตชนต้องการภาวนา จำเป็นต้องทำแบบพระเยซูเจ้า ปลีกตัวจากคนรอบข้าง หรือตื่นแต่เช้า หรือหลังจากที่ทำภารกิจประจำวันของเราเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อการภาวนาของเราจะไม่ถูกรบกวน และพร้อมจะอยู่กับพระเป็นเจ้า “พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีทรงนำข้าพเจ้าไปริมสายทีที่เงียบสงบ” (สดด. 23:2) เมื่อสภาพแวดล้อมสงบ จิตใจสงบเราจะได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าหลายครั้งตรัสกับเราไม่ใช่ด้วยเสียงร้องตะโกน แต่เป็นเสียงกระซิบ “หลังจากแผ่นดินไหวก็เกิดไฟลุกแต่พระยาห์เวห์มิได้ประทับอยู่ในไฟนั้นหลังจากไฟก็มีเสียงกระซิบเบาๆ” (1พกษ. 19:12) พระเป็นเจ้าจะตรัสกับผู้ที่หัวใจปิดกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง แต่เปิด(ในความเงียบ) กับพระเป็นเจ้า

         อย่างไรก็ตาม การอยู่สถานที่ที่สงบหรือปลีกตัวไปภาวนากับพระเป็นเจ้าตามลำพังยังไม่เพียงพอ เรายังต้องการ “ใช้เวลา” ที่จะอยู่กับพระเป็นเจ้าด้วย ไม่ใช่มีสถานที่สงบ ปลีกตัวไปภาวนา แต่ภาวนาไม่ถึงนาทีหรือห้านาทีเท่านั้น

         หากเราดูชีวิตการภาวนาของพระเยซูเจ้า หลังจากที่พระองค์หาที่สงบและปลีกตัวไปภาวนาตามลำพัง พระองค์ภาวนาตลอดทั้งคืน เราสามารถพบหลักฐานได้ว่าพระองค์ภาวนาเป็นเวลานานตลอดทั้งคืน “ก่อนที่พระองค์จะเลือกอัครสาวก ครั้งนั้นพระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน  ครั้นถึงรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก”(ลูกา 6:12-13)

 

(ติดตามตอนต่อไป)

ชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้า (ตอนที่ 3)