(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว ชีวิตการปฏิบัติภาวนาของพระเยซูเจ้า เป็นตัวอย่างที่สำคัญของบรรดาคริสตชนจะต้องเลียนแบบ ซึ่งพระเยซูเจ้ามักจะปลีกพระองค์เองไปภาวนาในสถานที่ที่สงบตามลำพังเสมอ พระเยซูเจ้าสอนเราว่า ชีวิตคริสตชนจำเป็นต้องหาที่สงบในการภาวนาด้วยเช่นเดียวกับพระองค์
อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่สงบอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับชีวิตการภาวนา เวลาที่ใช้ในการภาวนาเป็นส่วนสำคัญและจำเป็นสำหรับชีวิตภาวนาของคริสตชนด้วย คริสตชนคงจะเห็นเป็นที่ประจักษ์โดยผ่านทางพระวรสารแล้วว่า ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะทำภารกิจเลือกอัครสาวกเป็นผู้ร่วมงานของพระองค์ พระเยซูเจ้าใช้เวลาทั้งคืนสำหรับการภาวนา
“ครั้งนั้นพระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน”(ลูกา 6:12)
จากพระวรสารลูกาบทที่ 6:12 พระเยซูเจ้าต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญคือ ต้องเลือกบรรดาอัครสาวกมาอยู่กับพระองค์ มาร่วมงานกับพระองค์ และจะเป็นกลุ่มที่สานต่องานของพระองค์บนโลกนี้ บรรดาอัครสาวกจะเป็นเสาหลักที่สำคัญของพระศาสนจักร ดังนั้นพระองค์ใช้เวลานานในการภาวนาเพื่อการตัดสินใจเลือกอัครสาวก
นี่จึงเป็นตัวอย่างของบรรดาคริสตชนด้วย การใช้เวลาในการภาวนาเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการภาวนา โดยเฉพาะในยามที่คริสตชนจำเป็นต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างในเรื่องที่สำคัญ ๆ เช่น ภาวนาขอความสว่างสำหรับการศึกษาต่อ, การแต่งงาน, การจ้างงาน และอื่น ๆ ให้คริสตชนใช้เวลาในการภาวนา เพื่อให้พระเป็นเจ้านำทางการตัดสินใจของเรา และอวยพรเราในสิ่งที่พระองค์ทรงนำทางชีวิตของเรา
แม้ว่าพระเยซูเจ้าจะสอนเราเรื่อง ระยะเวลาการภาวนาควรจะใช้เวลาเท่าใด สำหรับสิ่งที่จำเป็นของบรรดาคริสตชน พระเยซูเจ้าได้สอนต่ออีกว่า ต้องไม่หมกหมุ่นสวดภาวนาสำหรับตัวเองอย่างเดียว ซึ่งเป็นการภาวนาที่เห็นแก่ตัว พระเยซูเจ้าสอนให้เราใช้เวลาในการภาวนาสำหรับผู้อื่นด้วย ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็ก ๆ เข้ามาหาพระองค์ แล้วอวยพรแก่เด็กเหล่านั้น
ขณะนั้น มีผู้นำเด็กเล็กๆ มาให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์อวยพร (มัทธิว 19:13)
ไม่เพียงแต่อวยพรเด็กเล็ก ๆ เท่านั้น พระเยซูเจ้ายังภาวนาในกับเปโตรในช่วงที่ถูกผจญจากซาตาน
“แต่เราอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่าน[เปโตร] ให้ความเชื่อของท่าน [เปโตร] มั่นคงตลอดไป และเมื่อท่าน[เปโตร] กลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่าน [เปโตร] เถิด’” (ลูกา 22:32)
(ติดตามตอนต่อไป)