จากประตูแห่งความเชื่อ สู่ประตูศักดิ์สิทธิ์ (ตอนที่ 7)

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

 

                 ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว นำเสนอเอกสารของพระศาสนจักรที่เชิญคริสตชนถูกเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และนำเสนอการดำเนินชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนพระเป็นเจ้าไม่ได้ปล่อยให้เขาต้องดำเนินชีวิตตามลำพัง, ค้นหาวิธีการตามลำพังแต่พระเยซูเจ้าได้ทรงส่งพระจิตเจ้าเข้ามาในตัวทุกคนเพื่อปลุกกระตุ้นภายในให้เขารักพระเป็นเจ้าด้วยสุดดวงใจ, สุดวิญญาณ, สุดความนึกคิดและสุดความสามารถของเขา (เทียบมก. 12,30)

                 เหตุที่คริสตชนต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าในการเป็น “คริสตชนที่ศักดิ์สิทธิ์” 

                 อันดับแรกคือ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเป็นเจ้ากับคริสตชนในฐานะที่เราเป็นลูกของพระองค์  หนังสือฮีบรูบทที่ 8 ข้อที่ 10 เขียนว่า “นี่​คือ​พันธ​สัญญา​ที่​เรา​จะ​ทำ​กับ​ตระกูล​อิสราเอลภายหลัง​วัน​เหล่า​นั้นพระ​เจ้า​ตรัสเรา​จะ​ใส่​บท​บัญญัติ​ของ​เรา​ใน​จิตใจ​ของ​เขาเรา​จะ​จารึก​ไว้​ใน​ดวงใจ​ของ​เขาและ​เรา​จะ​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​เขาและ​เขา​จะ​เป็น​ประชากร​ของ​เราเมื่อเราเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า“ข้าพ​เจ้า​ถูก​ตรึง​กาง​เขน​กับ​พระ​คริสต​เจ้า​แล้วข้าพ​เจ้า​มี​ชีวิต​อยู่มิใช่​ตัว​ข้าพ​เจ้า​อีก​ต่อไปแต่​พระ​คริสต​เจ้า​ทรง​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ใน​ตัว​ข้าพ​เจ้าชีวิต​ที่​ข้าพ​เจ้า​กำลัง​ดำเนิน​อยู่​ใน​ร่างกาย​ขณะนี้ข้าพ​เจ้า​ดำเนิน​ชีวิต​ใน​ความ​เชื่อถึง​พระ​บุตรของ​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​รัก​ข้าพ​เจ้า​และ​ทรง​มอบ​พระ​องค์​เพื่อ​ข้าพ​เจ้า” (กท. 2:20)

                 ดังนั้น เพื่อจะดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าได้ คริสตชนจึงตัองได้รับความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าเจ้า

                 อันดับที่สอง จากพระสมณสาสน์ของนักบุญพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่  2 เรื่อง พระเมตตาของพระเป็นเจ้า (Dives in Misericordia)1 ในหัวข้อเรื่อง  “แหล่งที่มาของความอึดอัดใจ”  ท่านนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 ได้เขียนว่า “ภาพของโลกปัจจุบัน อันเปี่ยมด้วยความเลวทรามทั้งด้านกายและศีลธรรม จนทำให้โลกเราเป็นโลกที่เปี่ยมด้วยความขัดแย้งแตกต่างและความตรึงเครียด ในขณะเดียวกัน ก็เปี่ยมไปด้วยอันตรายต่อเสรีภาพของมนุษย์ ต่อมโนธรรมและต่อศาสนา ภาพนี้ทำให้เกิดความไม่สบายใจของมนุษย์ในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ผู้ไร้โอกาส และถูกข่มเหงเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่ได้สิทธิพิเศษเพราะความร่ำรวย ความก้าวหน้าและอำนาจ ก็รู้สึกไม่สบายใจ แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามเข้าใจถึงสาเหตุของความไม่สบายใจนี้ หรือพยายามที่จะเผชิญกับสถาสนการณ์ดังกล่าว ด้วยเครื่องมือฝ่ายโลก อาศัยเทคโนโลยี ความร่ำรวยและอำนาจ แต่ลึกลงไปในจิตวิญญาณของมนุษย์ ความไม่สบายใจนี้รุงแรงมากกว่าสิ่งบำบัดฝ่ายโลก ตามที่สภาสังคายนาวาติกันที่ ได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้วว่า ความไม่สบายใจนี้เกี่ยวโยงกับปัญหาขึ้นพื้นฐานของความเป็นอยู่มวลมนุษย์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงอย่างใกล้ชิด กับความเป็นอยู่ของมนุษย์ในโลก เป็นความไม่สบายใจสำหรับอนาคตของมนุษย์ และมนุษยชาติทั้งปวง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด ความเร่งด่วน.......”

                 ท่านนักบุญยอห์นปอลที่ 2 ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ของมนุษย์ในปัจจุบัน มีความยากเกินกว่ามนุษย์จะช่วยเหลือและเยียวยาตนเองให้เป็นคริสตชนที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ คริสตชนจึงจำเป็นต้องได้รับความเมตตาจากพระเป็นเจ้า ซึ่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้าคือคุณสมบัติและความครบบริบูรณ์อันสูงสุดของพระเป็นเจ้า พระเยซูเป็นผู้เผยแสดงพระเมตตาของพระเป็นเจ้าให้ปรากฎและเป็นจริง พระศาสนจักรเองก็ได้ร่วมมือกับพระเยซูเจ้าในการสำแดงพระเมตตาของพระเป็นเจ้านี้

                 ดังนั้น คริสตชนจึงเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า


(อ่านต่อฉบับหน้า)


1 พระเมตตาของพระเป็นเจ้า (Dives in Misericordia)แปลโดยพระคุณเจ้ายอด พิมพิสาร C.Ss.R. บทที่ 6 หัวข้อที่ 11 หน้า 59-62