บทที่ 2.1 “พระเยซูคริสตเจ้าปฏิสนธิด้วยเดชะพระจิตบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์”



ตอนที่ 2 การประกาศความเชื่อของคริสตชน 
(จากหนังสือประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  ข้อที่ 33-217)

           

บทที่ 2 ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า

2.1 “พระเยซูคริสตเจ้าปฏิสนธิด้วยเดชะพระจิตบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์”

ทำไมพระบุตรของพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์

       เพื่อความรอดพ้นของเรามนุษย์ เพื่อคนบาปจะได้คืนดีกับพระเจ้า เพื่อทำให้เรารู้จักความรักอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ เพื่อทรงเป็นแบบอย่างแห่งความศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา เพื่อทรงทำให้เรา “เข้ามามีส่วนร่วมในพระธรรมชาติของพระเจ้า” (2ปต 1:4)

คำว่า “รับธรรมชาติมนุษย์” (INCARNATION) หมายความว่าอะไร

       พระศาสนจักรเรียก “รับธรรมชาติมนุษย์” ว่าเป็นธรรมล้ำลึกแห่งการร่วมเป็นหนึ่งเดียวอันน่าพิศวงระหว่างพระธรรมชาติของพระเจ้ากับธรรมชาติมนุษย์ ในพระบุคคลของพระวจนาตถ์หนึ่งเดียว เพื่อให้การไถ่กู้เราเป็นจริงขึ้นมา พระบุตรของพระเจ้าต้องเสด็จมารับเอา“ธรรมชาติมนุษย์” (ยน 1:14) และกลายเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ความเชื่อในการรับธรรมชาติมนุษย์เป็นเครื่องหมายที่เด่นชัดของความเชื่อคริสตชน

พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ได้อย่างไร

       ในการเป็นหนึ่งเดียวกันของพระบุคคลของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ “ทรงบังเกิดมาแต่มิได้ถูกสร้าง ทรงพระธรรมชาติเดียวกันกับพระบิดา” ทรงเป็นมนุษย์แท้จริง ทรงเป็นพี่น้องของเรา ขณะเดียวกันก็มิได้ทรงหยุดการเป็นพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

สภาสังคายนาแห่งคัลซีโดเนีย (ปี 451) สอนอะไรในเรื่องนี้

       สอนเราให้ยืนยันว่า “พระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียว พระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสมบูรณ์แบบที่สุดในธรรมชาติของพระเจ้าของพระองค์และทรงสมบูรณ์แบบที่สุดในธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ ทรงประกอบด้วยพระวิญญาณที่มีเหตุผลและร่างกาย ทรงร่วมพระธรรมชาติเดียวกันกับพระบิดาอันเนื่องมาจากการเป็นพระเจ้า ทรงร่วมธรรมชาติเดียวกันกับเราอันเนื่องมาจากการเป็นมนุษย์ “ทรงเหมือนเราในทุกอย่าง ยกเว้นบาป” (ฮบ 4:15) ทรงบังเกิดจากพระบิดาก่อนกาลเวลาในการเป็นพระเจ้า ในยุคสุดท้ายนี้เพราะเห็นแก่เราและเพราะเห็นแก่ความรอดพ้นของเรา ทรงบังเกิดจากพระนางมารีย์พรหมจารีและพระมารดาของพระเจ้า ตามธรรมชาติมนุษย์”

พระศาสนจักรแสดงออกถึงธรรมล้ำลึกของการรับธรรมชาติมนุษย์อย่างไร

       ด้วยการยืนยันว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ โดยที่ทั้งสองพระธรรมชาติคือธรรมชาติมนุษย์และธรรมชาติพระเจ้าของพระองค์ไม่ปะปนกัน แต่เป็นหนึ่งเดียวกันในพระบุคคลของพระวจนาตถ์ ในการเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้าทุกอย่าง การกระทำอัศจรรย์ การรับทุกข์ทรมาน การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ต้องถูกถือว่าเป็นพระบุคคลพระเจ้าที่กระทำโดยผ่านทางธรรมชาติมนุษย์ที่ถูกยกขึ้น

พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ทรงมีวิญญาณและความรู้แบบมนุษย์ด้วยหรือ

       ทรงรับเอาร่างกายที่มีชีวิตโดยวิญญาณมนุษย์ซึ่งสามารถสำนึกในเหตุผล พระเยซูเจ้าทรงเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยสติปัญญาของมนุษย์จากประสบการณ์ แม้ในฐานะที่ทรงเป็นมนุษย์ พระบุตรของพระเจ้าก็ยังทรงมีความรู้จักที่ใกล้ชิดและสนิทสนมกับพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ด้วย พระองค์เข้าใจความคิดที่เร้นลับของมนุษย์ ทรงรอบรู้อย่างสมบูรณ์เต็มที่ถึงแผนการนิรันดรที่พระองค์ได้เสด็จมาเปิดเผย

เจตจำนงทั้งสองของพระวจนาตถ์ที่ทรงรับสภาพมนุษย์จะสอดคล้องกันได้อย่างไร

       พระเยซูเจ้าทรงมีเจตจำนงทั้งของพระเจ้าและของมนุษย์ในพระชนมชีพของพระองค์บนแผ่นดินนี้ พระบุตรของพระเจ้ามีความปรารถนาตามแบบมนุษย์ ทรงตัดสินทุกสิ่งตามแบบพระเจ้า ทรงกระทำร่วมกับพระบิดาและพระจิตเจ้าเพื่อความรอดของเรามนุษย์ เจตจำนงแบบมนุษย์ของพระคริสตเจ้านั้นกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า โดยไม่มีการขัดขืนหรือลังเล คือยอมอยู่ใต้พระประสงค์ของพระเจ้า

พระคริสตเจ้าทรงมีร่างกายมนุษย์แท้จริงหรือ

       พระคริสตเจ้าทรงรับเอากายที่เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง โดยทางนี้พระกายพระเจ้าที่เรามองเห็นไม่ได้นั้นกลับแลเห็นได้ ด้วยเหตุผลนี้เราจึงสามารถแทนและกราบบูชาพระคริสตเจ้าโดยทางรูปภาพศักดิ์สิทธิ์

พระหฤทัยของพระเยซูเจ้านั้นแทนอะไร

       พระเยซูเจ้าทรงรู้จักเราและทรงรักเราด้วยหัวใจที่เป็นมนุษย์ พระหฤทัยของพระองค์ที่ถูกแทงเพื่อความรอดพ้นของเรานั้น เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่มีขอบเขต ซึ่งพระองค์ทรงรักพระบิดาและมนุษย์แต่ละคน

สำนวนที่ว่า “ปฏิสนธิเดชะพระจิต...” หมายความว่าอะไร

       พระนางพรหมจารีมารีย์ได้ปฏิสนธิพระบุตรนิรันดรในพระครรภ์ของพระนางด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า โดยปราศจากความร่วมมือของมนุษย์ ทูตสวรรค์กล่าวขณะที่มาแจ้งสารว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน” (ลก 1:35)

“...บังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์” พระนางมารีย์เป็นพระมารดาของพระเจ้าได้อย่างไร

       เป็นพระมารดาของพระเจ้าอย่างแท้จริงเพราะทรงเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า (ยน 2:1;  19:25 ) ที่จริงแล้วองค์พระผู้ที่พระนางเป็นผู้ให้กำเนิดเป็นมนุษย์ด้วยพระอานุภาพของพระจิต  และได้กลายเป็นบุตรของพระนางอย่างแท้จริงนั้น  ทรงเป็นพระบุตรนิรันดรของพระเจ้าพระบิดา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

“ปฏิสนธินิรมล” หมายความว่าอะไร

       พระเจ้าได้ทรงเลือกพระนางมารีย์ให้เป็นพระมารดาของพระบุตรของพระองค์ด้วยความสมัครพระทัยตั้งแต่นิรันดร เพื่อทรงทำให้พันธกิจนั้นสำเร็จไป พระนางทรงปฏิสนธินิรมลหมายความว่า  เดชะพระหรรษ-ทานของพระเจ้า และเดชะพระบารมีล่วงหน้าของพระเยซูคริสตเจ้า  พระนางมารีย์จึงได้รับการรักษาไว้ให้พ้นจากบาปกำเนิดนับตั้งแต่การปฏิสนธิของพระนาง

พระนางมารีย์ทรงร่วมมือกับแผนการแห่งความรอดของพระเจ้าอย่างไร

       โดยพระหรรษทานของพระเจ้า พระนางมารีย์ทรงได้รับการยกเว้นจากบาปส่วนพระองค์ทุกประการตลอดชีวิตของพระนาง พระนางทรง “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” (ลก 1:28) ทรง “ศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์” เมื่อทูตสวรรค์แจ้งว่าพระนางจะเป็นผู้ให้กำเนิดแก่ “พระบุตรของพระผู้สุงสุด” (ลก 1:32)นั้นพระนางก็ทรงยินยอมด้วยความสมัครพระทัยทรง “ปฏิบัติตามด้วยความเชื่อ” (รม 1:5) พระนางมารีย์ได้มอบตัวเองโดยสิ้นเชิงให้แก่องค์พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนางและกิจการของพระองค์  ยอมรับอย่างเต็มหัวใจที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น

ความเป็นพรหมจารีของพระนางมารีย์หมายความว่าอะไร

       พระเยซูเจ้าทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางพรหมจารีด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้าแต่อย่างเดียวเท่านั้น โดยปราศจากความร่วมมือของมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ตามธรรมชาติพระเจ้า และทรงเป็นบุตรของพระนางมารีย์ตามธรรมชาติของมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าทั้งในสองธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะในพระองค์มีพระบุคคลเดียวเท่านั้นผู้ทรงเป็นพระเจ้า

พระนางมารีย์ทรงเป็น “พรหมจารีเสมอ” หมายความว่าอะไร

       “ทรงเป็นพรหมจารีในการปฏิสนธิพระบุตรของพระนาง ทรงเป็นพรหมจารีในการให้พระองค์บังเกิด ทรงเป็นพรหมจารีเวลาที่ทรงอุ้มพระองค์ ทรงเป็นพรหมจารีเวลาที่ทรงเลี้ยงดูฐานะพระมารดา ทรงเป็นพรหมจารีตลอดกาล” (นักบุญ ออกัสติน) ดังนั้น เมื่อพระวรสารกล่าวถึง “พี่น้องชายหญิงของพระเยซูเจ้า”  นั้นเป็นการกล่าวถึงญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดของพระองค์ตามวิธีการพูดที่ใช้ในพระคัมภีร์

การเป็นมารดาฝ่ายจิตของพระนางมารีย์เป็นสากลได้อย่างไร

       พระนางมารีย์ทรงมีบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นคือพระเยซูเจ้า แต่ในพระองค์ การเป็นมารดาฝ่ายจิตของพระนางแผ่ไปถึงมนุษย์ทุกคนที่พระองค์ทรงเสด็จมาเพื่อไถ่กู้ โดยยอมเชื่อฟังเคียงคู่ไปกับอาดัมใหม่ คือ พระเยซูคริสตเจ้า พระนางพรหมจารีทรงเป็นเอวาใหม่เป็นมารดาที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ทรงร่วมมือด้วยความรักฉันมารดาในการเกิดมาและในการอบรมพวกเขาให้อยู่ในระเบียบของพระหรรษทานพระนางมารีย์ในฐานะพรหมจารีและพระมารดาทรงเป็นโฉมหน้าและความสำเร็จเป็นจริงอันสมบูรณ์ที่สุดของพระศาสนจักร

ชีวิตของพระคริสตเจ้าเป็นธรรมล้ำลึกหมายความว่าอะไร

       ชีวิตทั้งครบของพระคริสตเจ้าเป็นเหตุการณ์ของการเผยแสดงสิ่งที่เห็นได้ในชีวิตบนแผ่นดินนี้ของพระเยซูเจ้านำเราไปสู่ธรรมล้ำลึกที่มองไม่เห็นของการเป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้าของพระองค์ แม้กระทั่งความรอดก็ได้รับการทำให้สำเร็จบริบูรณ์บนไม้กางเขนและในการกลับคืนพระชนมชีพ ชีวิตทั้งชีวิตของพระเยซูเจ้าคือธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้

พระเจ้าทรงเตรียมโลกสำหรับธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าอย่างไร

       ทรงเตรียมการเสด็จมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ พระองค์ทรงปลุกการรอคอยการเสด็จมานี้ในหัวใจของทุกคน และทรงเตรียมการนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพันธสัญญาเดิม สิ้นสุดลงที่ท่านยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง  เรากระทำให้การรอคอยอันยาวนานนี้กลับมีชีวิตอีกครั้งในพิธีกรรมเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

พระวรสารสอนเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกของการบังเกิดและปฐมวัยของพระเยซูเจ้าอย่างไร

       ในวันพระคริสตสมภพ พระสิริรุ่งโรจน์ได้แสดงออกในความอ่อนแอของทารก การเข้าสุหนัตของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องหมายของการเป็นส่วนหนึ่งของประชากรชาวฮีบรูและเป็นการบอกล่วงหน้าถึงศีลล้างบาปของเรา สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์เป็นการแสดงให้ชนทุกชาติได้เห็นพระเมสสิยาห์กษัตริย์ของอิสราเอล ในการถวายพระกุมารในพระวิหาร ท่านสิเมโอนและอันนา เป็นสัญลักษณ์ของการทำนายล่วงหน้าทุกประการของการรอคอยที่ชาวอิสราเอลได้มาพบกับพระผู้ไถ่ของตน การลี้ภัยไปอียิปต์และการประหารทารกผู้บริสุทธิ์เป็นการประกาศว่าชีวิตทั้งชีวิตของพระคริสตเจ้าจะอยู่ใต้เครื่องหมายแห่งการเบียดเบียน การเสด็จกลับจากประเทศอียิปต์เป็นการระลึกถึงการอพยพและแสดงพระเยซูเจ้าว่าทรงเป็นโมเสสใหม่และทรงเป็นผู้ปลดปล่อยที่แท้จริงและเด็ดขาด

ชีวิตซ่อนเร้นของพระเยซูเจ้าที่เมืองนาซาเร็ธให้บทสอนอะไรกับเรา

       พระเยซูเจ้าทรงเก็บตัวเงียบอยู่ในการดำเนินชีวิตแบบธรรมดาเปิดโอกาสให้เราได้สนิทสัมพันธ์กับพระองค์ในความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตประจำวันที่รวมการสวดภาวนา ความเรียบง่าย การทำงานและความรักในครอบครัวไว้ด้วยกัน การที่พระองค์ทรงอยู่ในโอวาทของพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟเป็นภาพลักษณ์ของความนบนอบฉันบุตรของพระองค์ต่อพระบิดา พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟน้อมรับธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้าด้วยความเชื่อแม้ไม่เข้าใจเสมอไปก็ตาม

เหตุใดพระเยซูเจ้าทรงรับ “พิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป” (ลก 3:3) จากยอห์น

       เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตท่ามกลางสาธารณชน และเป็นการชิมลางของ “ศีลล้าง” แห่งการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ นั่นคือแม้ไม่ทรงมีบาปแต่ก็ทรงยอมทำเช่นนั้นเพื่อทรงถูกนับรวมอยู่ในหมู่คนบาป การรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้าเป็นการบอกล่วงหน้าถึงศีลล้างบาปของเรา

เราเรียนรู้อะไรจากการที่พระเยซูเจ้าทรงถูกประจญในที่เปลี่ยว

       เป็นการสรุปรวมการถูกประจญของอาดัมในสวนสวรรค์ และของชาวอิสราเอลในทะเลทราย ซาตานล่อลวงพระเยซูเจ้าในเรื่องของความนบนอบต่อพันธกิจที่ทรงได้รับมอบหมายจากพระบิดา พระคริสตเจ้าอาดัมใหม่ ทรงปฏิเสธการประจญ และทรงชนะการประจญอาศัยพระมหาทรมานของพระองค์ พระศาสน-จักรร่วมสนิทในธรรมล้ำลึกข้อนี้เป็นพิเศษในช่วงเทศกาลมหาพรต

       พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนมนุษย์ทุกคนให้มาเป็นส่วนหนึ่งของพระอาณาจักรของพระเจ้า แม้กระทั่งคนบาปหนักก็ถูกเรียกให้กลับใจและให้ยอมรับพระเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระบิดา พระอาณาจักรซึ่งอยู่ในโลกนี้แล้วเป็นของทุกคนที่ยอมรับด้วยใจสุภาพ

พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระอาณาจักรโดยผ่านทางเครื่องหมายและอัศจรรย์ต่างๆ ด้วยเหตุใด

       ทรงให้พระวาจาของพระองค์ตามด้วยเครื่องหมายและอัศจรรย์ต่างๆเพื่อยืนยันว่าพระอาณาจักรอยู่ในพระองค์  การขับไล่ปีศาจเป็นการประกาศว่าไม้กางเขนของพระองค์จะมีชัยชนะเหนือ “เจ้านายแห่งโลกนี้”(ยน 12:31)

พระเยซูเจ้าทรงมอบอำนาจอะไรในพระอาณาจักรให้แก่บรรดาอัครสาวก

       ทรงเลือกอัครสาวกสิบสององค์ ประจักษ์พยานในอนาคตของการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ทรงทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในพันธกิจและอำนาจของพระองค์ เพื่อสอนให้อภัยบาปเสริมสร้างและปกครองพระศาสนจักร นักบุญเปโตรได้รับมอบ “กุญแจอาณาจักรสวรรค์”

การแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์หมายความว่าอะไร

       ในการแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์พระตรีเอกภาพได้ทรงปรากฏทั้งสามพระองค์ “พระบิดาในพระสุรเสียง พระบุตรในร่างมนุษย์ พระจิตในเมฆที่สุกใส” พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ผ่านทางไม้กางเขนและให้การคาดหวังถึงการกลับคืนพระชนมชีพและของสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ที่จะมาถึง “จะทรงเปลี่ยนรูปร่างอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์” (ฟป 3:21 )

การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในฐานะพระเมสสิยาห์เกิดขึ้นได้อย่างไร

       เมื่อถึงเวลากำหนด พระเยซูเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะเสด็จเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เป็นการแสดงการมาถึงของพระอาณาจักรซึ่งพระเมสสิยาห์กษัตริย์เสด็จเข้านครของพระองค์บนหลังลูกลา ทรงได้รับการต้อนรับจากพวกเด็กๆ การโห่ร้องของพวกเขาได้นำมาใช้ในบทศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมิสซา บูชาขอบพระคุณ พิธีกรรมของพระศาสนจักรเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเฉลิมฉลองการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มนี้ 

           

  แบบฝึกหัดบทที่ 2.1 “พระเยซูคริสตเจ้าปฏิสนธิด้วยเดชะพระจิตบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์”