พระเยซูเจ้าทรงสอนสานุศิษย์ว่า พวกเขาต้องเป็นคนชอบธรรมมากกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์  {มธ.5:20}สิ่งแรกที่พระเยซูเจ้าสอนเพื่อจะเป็นดีมากกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์คือ เรื่องของ "โกรธเคือง​พี่​น้อง"{มธ.5:22}

         พระธรรมเดิม ได้สอนว่า ห้ามแสดงความโกรธด้วยการทำลายชีวิต สำหรับพระเยซูเจ้าทรงสอนว่า <<ทุก​คน​ที่​โกรธเคือง​พี่​น้อง จะ​ต้อง​ขึ้นศาล ผู้ใด​กล่าว​แก่​พี่​น้อง​ว่า ‘ไอ้​โง่’ ผู้​นั้น​จะ​ต้อง​ขึ้นศาล​สูงผู้ใด​กล่าว​แก่​พี่​น้อง​ว่า ‘ไอ้​โง่​บัดซบ’ ผู้​นั้น​จะ​ต้อง​ถูก​ปรับโทษ​ถึง​ไฟ​นรก>>{มธ.5:20}พระองค์สอนว่าแค่โกรธเท่านั้น ต้องโทษถึงไฟนรก และเขาผู้นั้นก็ไม่สมควรถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าด้วย {มธ.5:24}หากผู้นั้นต้องการถวายเครื่องบูชาต้องกลับไปขอโทษคู่อริก่อน {มธ.5:25}

         คริสตชนหลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า มีเหตุผลอะไรที่พระเยซูเจ้าทรงสอนแบบนี้?

         พระเยซูเจ้าทรงสอนด้วยจิตตารมณ์แห่งความรัก ทรงสอนอย่างเข้าถึงส่วนลึกในจิตใจมนุษย์ การโกรธนั้น เป็นประตูบานใหญ่ที่จะเปิดให้ซาตานเข้ามาทำงานในจิตใจมนุษย์ และเป็นสาเหตุของการทำบาปต่าง ๆนักบุญเปาโลก็ได้เตือนคริสตชนเอเฟซัสด้วยเช่นกันว่า <<แม้​ท่าน​จะ​โกรธ ก็​อย่า​ให้​เป็น​บาป จง​เลิก​โกรธ​ก่อน​ดวงอาทิตย์​ตก อย่า​ให้​โอกาส​แก่​มาร>>{อฟ.4:26-27}

         บ่อย ๆ การโกรธของคนเรา เป็นรากเง้าของความขมขื่น, การไม่ให้อภัย, ความรุนแรง, สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งชั่วร้าย และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายพระเยซูเจ้า <<ถ้า​มนุษย์​รับ​พิธี​สุหนัต​ใน​วัน​สับ​บา​โต​ได้ โดย​ไม่​ละเมิด​ธรรม​บัญญัติ​ของ​โมเสส ทำไม​ท่าน​จึง​โกรธ ที่​เรา​ได้​รักษา​คน​ทั้ง​ตัว​ให้​หาย​จาก​โรค​ใน​วัน​สับ​บา​โต​เล่า>>{ยน.7:23}

         คริสตชนควรสวดภาวนาขอพระหรรษทานจากพระเจ้า เพื่อเราจะได้มีสติ โกรธน้อยลง ให้อภัยมากขึ้น <<เรา​ทุก​คน​ไม่​มี​ผ้า​คลุม​ใบหน้า จึง​สะท้อนแสง​สว่าง​รุ่งโรจน์ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เหมือน​กระจกเงา เปลี่ยน​เป็น​ภาพลักษณ์เดียวกับ​พระ​องค์ ทวี​ความ​รุ่งโรจน์​ยิ่งๆ ขึ้น เดชะ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​ทรง​เป็น​พระ​จิต>>{2คร.3:18}

>>เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย

ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร

ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด<<

{ยน 13:34}

คุณพ่อเอนก นามวงษ์

รำพึงพระวาจาประจำวันได้ที่ www.kamsonchan.com