ในหนังสือบุตรสิรา ได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ความคิดและความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจคริสตชนแต่ละคน<<พระองค์ทรงหยั่งดูห้วงสมุทรและใจมนุษย์>>{บสร.42:18}

          คริสตชนในฐานะที่ถูกเรียกมาให้<<เป็นชาวประมงหามนุษย์>>{มธ.4:19}การเป็นชาวประมงสมัยก่อน เวลาจับปลาจะสังเกตได้จากผิวน้ำเท่านั้น ชาวประมงจะไม่มีทางรู้เลยว่าใต้ผิวน้ำนั้นมีปลาหรือไม่?

          เดียวกัน เวลาที่เรามองคนคนหนึ่ง เราสามารถได้แต่มองเห็นเขาคนนั้นได้แต่ภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในเราไม่สามารถมองเห็นอย่างได้กระจ่างชัด

          หลาย ๆ ครั้ง คริสตชนต้องการหยั่งรู้จิตใจคน ต้องการเข้าถึงจิตใจคน แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงได้แต่<<มองแต่รูปร่างภายนอก>>{1ซมอ.16:7) }

          พระเยซูเจ้าเรียกคริสตชนให้มาเป็นชาวประมงหามนุษย์ พระองค์ประทานพระจิตเจ้าเพื่อสอนเราให้จับมนุษย์อย่างไร?

          พระจิตจะสอนให้คริสตชนรู้จิตใจคนรอบข้างและ<<พระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร>>{ลก.12:12}

          หากคริสตชนใช้วาทศิลป์ของตนเองและคิดว่าตนเองพูดเก่งในการประกาศข่าวดี ผู้ฟังอาจไม่เกิดการกลับใจ แต่ถ้าให้พระจิตเจ้าทำงานผ่านทางคำพูดของเรา พระองค์จะทำงานในจิตใจของผู้ฟังด้วย

          พระเยซูประกาศข่าวดีพร้อมกับพระจิตเจ้าเสมอ และพระเยซูเจ้าทรงสัญญากับคริสตชนผู้เป็นชาวประมงหามนุษย์ว่า<<เราจะให้คำพูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้>>{ลก.21:15}

          ในแต่ละวันให้คริสตชนหาเวลาที่จะสงบใจ ภาวนากับพระจิตเจ้า พระองค์จะทรงสอนเราว่า<<เราต้องพูดอะไรและพูดอย่างไร>>{ยน.12:49}

          พระจิตเจ้าจะได้เป็นคำพูดของเรา พูดแต่สิ่งที่ดีดี พูดแต่สิ่งที่เป็นหนทางของพระเจ้า เพราะ<<ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย>>{กท.5:25}; <<พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร>>{อฟ.1:22}

          คริสตชนจงวอนขอพระเยซูเจ้าส่งพระจิตของพระองค์ให้เราเพื่อได้รู้ว่า <<จะต้องพูดอะไร>>{ลก.12:12}ในเวลาที่เหมาะสม

>>​เชิญเสด็จมาเถิด พระจิตเจ้าข้า

เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ

และทรงบันดาลให้ลุกร้อนด้วยความรักของพระองค์<<

{บทสวดเชิญพระจิต}

คุณพ่อเอนก นามวงษ์

รำพึงพระวาจาประจำวันได้ที่ www.kamsonchan.com