Homeถาม-ตอบ กับคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์ ทำไมพระเยซูเจ้าจึงยกตัวอย่างของแม่ม่ายเพียงคนเดียวที่ประกาศกไปช่วยให้มีอาหารกิน เพื่อเปรียบเทียบกับการที่ประกาศกไม่ได้รับการต้อนรับในหมู่บ้านของตนเอง ทำไมประชาชนจึงโกรธจนจะทำร้ายพระเยซูเจ้า?

ทำไมพระเยซูเจ้าจึงยกตัวอย่างของแม่ม่ายเพียงคนเดียวที่ประกาศกไปช่วยให้มีอาหารกิน เพื่อเปรียบเทียบกับการที่ประกาศกไม่ได้รับการต้อนรับในหมู่บ้านของตนเอง ทำไมประชาชนจึงโกรธจนจะทำร้ายพระเยซูเจ้า?

ทำไมพระเยซูเจ้าจึงยกตัวอย่างของแม่ม่ายเพียงคนเดียวที่ประกาศกไปช่วยให้มีอาหารกิน เพื่อเปรียบเทียบกับการที่ประกาศกไม่ได้รับการต้อนรับในหมู่บ้านของตนเอง ทำไมประชาชนจึงโกรธจนจะทำร้ายพระเยซูเจ้า?

         คำตอบข้อนี้มีอธิบายอยู่ในข่าวดีของวันอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา (ลก 4:21-30) 

อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

ข่าวดี ลก 4:21-30

21พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว”  22ทุกคนสรรเสริญพระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำน่าฟังที่พระองค์ตรัส  เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ”  23พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำพังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้นท่านจงทำที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’”  24แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน  25เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความอดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล  26แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไปหาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน  27ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรคเรื้อนหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น”  28เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก  29จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง นำไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักพระองค์ลงไป  30แต่พระองค์ทรงดำเนินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้น แล้วเสด็จจากไป

***************************

        หลังจากทรงอ่านข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ที่ว่า “พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (ลก 4:18-19) จบแล้ว

พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” (ลก 4:21)

หมายความว่า “ผู้ที่ประกาศข่าวดี ผู้ที่ประกาศการปลดปล่อย และผู้ที่ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” ที่ประกาศกอิสยาห์และชาวยิวเฝ้าคอยมานานกว่า 700 ปี...

บัดนี้ “ผู้นั้น” ได้เสด็จมาแล้ว....พระเมสสิยาห์ผู้ทรงเป็น “พระผู้ช่วยให้รอด” ได้เสด็จมาแล้ว  และพระองค์ทรงเริ่มประกาศข่าวดีและการปลดปล่อยให้ชาวเมืองนาซาเร็ธได้ยินกับหูแล้ว !!!

ชาวเมืองนาซาเร็ธเองก็รับรู้และประหลาดใจใน “ถ้อยคำน่าฟัง” ที่พระองค์ตรัส และพากันสรรเสริญพระองค์ (ลก 4:22)

แต่...บางคนตั้งคำถามว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” (ลก 4:22)

        คำถามนี้อาจตีความได้ 2 นัย

        นัยแรก พวกเขา “ทึ่ง” ใน “ถ้อยคำน่าฟัง” ของพระองค์ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าพระองค์ไม่ได้มีการศึกษาสูงส่งแต่ประการใดเพราะเป็นเพียง “ลูกของโยเซฟ” ช่างไม้แสนจนคนหนึ่งเท่านั้น กระนั้นก็ตาม พวกเขายัง “สรรเสริญ” พระองค์ ซึ่งทำให้เข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากพวกเขา “ยอมรับ” ว่าพระองค์ทรงรับ “ถ้อยคำน่าฟัง” เหล่านั้นไม่ใช่จากการศึกษาเล่าเรียน แต่จาก “พระเจ้า” โดยตรง !

เป็น “พระเจ้า” เองที่ทรงสอน “ถ้อยคำน่าฟัง” ให้แก่พระเยซูเจ้า !!!

        ส่วนนัยที่สองนั้นตรงกันข้ามกับนัยแรกเลย  นั่นคือแม้ถ้อยคำของพระองค์จะน่าฟัง แต่พวกเขา “ไม่ยอมรับ” และ “ไม่เชื่อ”

สาเหตุคือพวกเขารู้ต้นกำเนิดของพระองค์ดี พวกเขาไม่เพียงรู้ว่าพระองค์เป็นลูกของโยเซฟ แต่รู้แม้กระทั่งว่า “แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ” (มธ 13:55-56)

พวกเขา “ไม่เชื่อ” เพราะยอมรับไม่ได้ว่า “ถ้อยคำน่าฟัง” เช่นนี้จะออกมาจากตระกูลจน ๆ อย่างนี้ !!!

        พวกเขาวัดคุณค่าของคนด้วย“เงิน”……

        หากไม่มีเงินก็ไม่ได้รับ “การยอมรับ”…..

เมื่อทรงทราบว่าพวกเขา “ไม่ยอมรับ” พระองค์  พระองค์จึงดักคอพวกเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำพังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด’ (ลก 4:23)

        ความหมายของคำพังเพยนี้ก็คือ ขอให้พระองค์ทำอัศจรรย์รักษาชาวเมืองนาซาเร็ธซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกัน เหมือนที่ทรงกระทำในเมืองอื่น ๆ เช่นคาเปอรนาอุมด้วยเถิด

        พร้อมกับการดักคอ พระองค์ตรัสตอบคำขอล่วงหน้าเลยว่า

        “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน” (ลก 4:24) ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุ 2 ประกาศด้วยกันคือ

        ประการแรก พวกเขารู้จัก “กำพืด” ของประกาศกดี  พวกเขารู้ว่าท่านเกิดจากตระกูลใด ประกอบอาชีพอะไร มีฐานะอย่างไร มีการศึกษามากน้อยเพียงใด

        เมื่อรู้จักดี ผลที่ตามมาก็คือ “ไม่ยอมรับ” !

        ฟังดูแปลก แต่เป็นเรื่องจริง !    

เข้าตำราเดียวกันกับพวกเราหลายคนที่รู้จักนิสัยใจคอและความสามารถของคนไทยด้วยกันเองดี  แต่กลับ “ไม่ยอมรับ” สินค้าไทย และหันไปใช้ “ของนอก” แทน

และคงเหมือนพวกเราอีกหลายคนที่เห็นหญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าหญ้าบ้านตนอยู่ร่ำไป...ช่างไม่ให้เกียรติ “หญ้า” บ้านของตนเองเอาเสียเลย !

        ประการที่สองเกิดจากความ “อิจฉา”  พวกเขาทนเห็นคนบ้านเดียวกันดีกว่า เด่นกว่า และดังกว่า ไม่ได้

        เมื่อพวกเขามีอคติและไม่ยอมรับคนบ้านเดียวกันเช่นนี้  พระองค์จึงปฏิเสธที่จะทำอัศจรรย์รักษาพวกเขา

        ลำพังไม่ทำอัศจรรย์ช่วยเหลือคนบ้านเดียวกัน ก็ทำให้ชาวเมืองนาซาเร็ธไม่พอใจมากแล้ว แต่พระองค์ยังเสริมอีกว่า

        “เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความอดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล  แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไปหาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน” (ลก 4:25-26; ดู 1 พกษ 17:9-24)

        เมืองศาเรฟัทตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เกือบกึ่งกลางระหว่างเมืองไทระและไซดอน เป็นดินแดนของชาวฟินิเซียอันเป็นถิ่นกำเนิดของพระบาอัล

        เท่ากับว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญแก่ “คนต่างชาติ” หรือ “คนต่างศาสนา” มาก !!

        เท่านี้ยังไม่พอ พระองค์ตรัสต่อไปอีกว่า

        “ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรคเรื้อนหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น” (ลก 4:27)

        คราวนี้นาอามานไม่ได้เป็นเพียงคนต่างชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงผู้บัญชาการกองทัพซีเรียซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญของชาวยิวอีกด้วย

        เท่านั้นแหละ “ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก” (ลก 4:28)

        น่าเสียดาย... แทนที่ชาวเมืองนาซาเร็ธจะสำนึกผิดแล้วหันกลับมาเชื่อและยอมรับพระองค์  พวกเขากลับโกรธ ลุกฮือ และหมายมั่นจะกำจัดพระองค์ให้ได้

สาเหตุอาจเกิดจากพวกเขารับไม่ได้ที่พระองค์ทรงเปรียบพระองค์เองกับประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดดังเช่นประกาศกเอลียาห์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นเพียงลูกช่างไม้จน ๆ คนหนึ่ง

        สาเหตุอีกประการหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขารับไม่ได้ที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษของตนในยุคสมัยของประกาศกเอลียาห์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของกษัตริย์อาหับ อันเป็นช่วงเวลาตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวยิว

ทั้งนี้เป็นเพราะกษัตริย์อาหับ “ทรงอภิเษกสมรสกับเยเซเบล ราชธิดาของกษัตริย์เอทบาอัลแห่งไซดอน” (1 พกษ 16:31)

พระมเหสีเยเซเบลได้ชักนำการนับถือพระบาอัลเขามาในแผ่นดินอิสราเอล พร้อมกับสั่งกำจัดบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า

แม้แต่กษัตริย์อาหับก็หันไปนมัสการพระบาอัล ซึ่งถือเป็นการ ทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ มากกว่ากษัตริย์องค์ก่อน ๆ ทุกองค์ (1 พกษ 16:30)

พวกเขาโกรธเพราะพระองค์นำพวกเขาไปเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษในช่วงที่ทำบาปหนักและห่างเหินจากพระเจ้ามากที่สุด !

        ส่วนสาเหตุสุดท้ายที่น่าจะสำคัญที่สุดก็คือ  ชาวยิวถือว่าตนเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร พวกเขาจึง “ดูหมิ่น” คนต่างชาติ

พวกเขาเชื่อว่า “พระเจ้าทรงสร้างคนต่างชาติขึ้นมาเพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟนรก”

แต่พระเยซูเจ้าที่พวกเขารู้จักเถือกเถาเหล่ากอดีกลับสอนราวกับว่า “พระเจ้าทรงโปรดปรานคนต่างชาติ” เป็นพิเศษ

นี่คือ “รุ่งอรุณ” ของข่าวดีที่นำความรอดมาสู่ “นานาชาติ” ชนิดที่ชาวยิวไม่เคยคาดฝันมาก่อน และไม่มีวันที่จะยอมรับได้ !!

วันนั้น หากชาวเมืองนาซาเร็ธไม่อิจฉาหรือมีอคติต่อพระเยซูเจ้า และไม่ถือตัวว่าดีกว่าชนชาติอื่น  พวกเขาคงได้รับ “ข่าวดี” และ “การปลดปล่อย” จากพระองค์ไปแล้ว !

 

สถิติการเยี่ยมชม

10266043
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
4253
4061
17198
10213635
45278
118153
10266043
Your IP: 35.170.81.33
Server Time: 2024-10-09 22:31:26

แบบฟอร์ม

instagram

พระศาสนจักร


สื่อ YOUTUBE


Laudato si’

บทเรียนคำสอน





บทภาวนา

พิธีกรรมต่างๆ

เอกสารพระศาสนจักร

บทความคำสอน



KAMSONCHAN

 

   องค์กรคาทอลิก              คณะนักบวช  
 

สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม
แผนกคริสตศาสนธรรม
อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ศูนย์คริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
สังฆมณฑลจันทบุรี
คณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี
มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก พัทยา
คามิลเลียนโซเชียลเซนเตอร์ ระยอง

  สังฆมณฑลนครราชสีมา                       
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลนครราชสีมา
สังฆมณฑลอุบลราชธานี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลอุบลราชธานี   
สังฆมณฑลราชบุรี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลราชบุรี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลราชบุรี
สังฆมณฑลนครสวรรค์
สังฆมณฑลเชียงใหม่
  สังฆมณฑลสุราษฎ์ธานี
สังฆมณฑลอุดรธานี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลอุดรธานี

สภาการศึกษาคาทอลิกประเทศไทย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.)
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อสุขภาพอนามัย
สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย (อุดมสาร)
  ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะนักบวชแห่งประเทศไทย
คณะภคินีเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ต
คณะภคินีศรีชุมพาบาล       
คณะพระมหาไถ่แห่งประเทศไทย
คณะเซนต์คาเบรียล
คณะซาเลเซียน
คณะซาเลเซียน (ซิสเตอร์)
กางเขนแดงสาร

 



JSN Megazine template designed by JoomlaShine.com