วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอดพ้น นี่คือพระยาห์เวห์ เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” (อสย. 25:9)
วันคริสต์มาส เป็นวันที่เราชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้น
คริสต์มาสไม่ได้เป็นเพียงแค่การฉลอง หรือสัญลักษณ์ของการบังเกิดมาของพระคริสตเจ้า แต่ “คริสต์มาส” เป็นการเสด็จมาของพระผู้ไถ่อย่างแท้จริง เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง มีชีวิตเหมือนอย่างเรา ๆ ในทุกช่วงของชีวิต
หนังสือคำสอนพระศาสนจักร ข้อ 518 ได้สอนว่า “ชีวิตทั้งชีวิตของพระคริสตเจ้า คือธรรมล้ำลึกแห่งการสรุปทบทวน ทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำ ได้ตรัส และได้ทรงรับทรมาน ล้วนมีจุดหมายอยู่ที่การสถาปนามนุษย์ที่ตกอับไปแล้ว ให้กลับคืนสู่กระแสเรียกแรกเริ่มแห่งตน เมื่อพระองค์ทรงรับเอากาย และเสด็จมาเป็นมนุษย์นั้น พระองค์ได้ทรงสรุปทบทวนประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ไว้ในพระองค์เอง และได้ทรงจัดประทานความรอดแก่เราโดยทางลัดในลักษณะที่ว่าสิ่งที่เราได้สูญเสียไปในตัวอาดัม หมายถึงการที่ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาให้คล้ายคลึงกับพระเจ้า เราก็จะได้คืนมาในพระคริสตเยซู นี่คือเหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใดพระคริสตเจ้าจึงทรงผ่านทุกวัยแห่งชีวิต ทั้งนี้ ก็เพื่อทรงคืนการร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าให้แก่มนุษย์”
วันคริสต์มาสจึงเป็นวันที่พระเยซูเจ้าทรงคืนการร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง นี่คือความชื่นชมยินดีที่แท้จริง
ยิ่งกว่านั้นบทจดหมายของนักบุญเปโตรฉบับที่ 1 บทที่ 1 ข้อ 8-9 ท่านได้เขียนว่า “ท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้าทั้งๆ ที่ยังมิได้เห็นพระองค์ แม้ว่าขณะนี้ท่านยังมิได้เห็นพระองค์ ท่านก็ยังเชื่อในพระองค์ ท่านจึงชื่นชมยินดีสุดที่จะพรรณนาเพราะท่านกำลังจะได้รับจุดมุ่งหมายของความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว”
เราชื่นชมยินดีวันคริสต์มาส แม้เราไม่ได้เห็นพระเยซูเจ้า แต่เราพบพระเยซูเจ้าในทางความเชื่อของเรา
วันคริสต์มาสเราได้รับของขวัญจากพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เป็นข้าวของ เงินทอง เกียรติยศ ลอตเตอรี่รางวัลน้อยใหญ่ ของขวัญที่พระองค์มอบให้เราในวันคริสต์มาส นั่นคือ
“พระองค์จะทรงทำลายความตายตลอดไป” (อสย. 25:8),
“ทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน” (อสย. 25:8),
“ทรงช่วยประชากรของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลบหลู่ทั่วแผ่นดิน” (อสย. 25:8),
“ทรงช่วยเราให้รอดพ้น” (อสย. 25:9),
“คนใบ้พูดได้” (มธ. 15:31),
“คนขาพิการหายเป็นปรกติคนง่อยเดินได้” (มธ. 15:31),
“คนตาบอดมองเห็นได้” (มธ. 15:31)
“ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า” (มธ. 15:37)
พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับคนโรคเรื้อนว่า ‘จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว’ (ลก. 17: 19)
ดังนั้น อาศัยความเชื่อ วันคริสต์มาสเราได้รับของขวัญอันล้ำค่าของพระเยซูเจ้าแล้ว
เมื่อรับแล้ว คริสต์มาสนี้ถ่ายทอดความเชื่อของเราให้คนรอบข้างต่อไป
นี่คือการฉลองคริสต์มาสอย่างมีคุณค่า......
ขอสุขสันต์คริสต์มาสกับคุณพ่อทุกท่าน
เอนก นามวงษ์