ชีวิตจิตของนักบุญโฟสตินา: ความล้ำลึกแห่งพระเมตตาของพระเจ้า (ตอนที่ ๒)
คุณพ่อเอนก นามวงษ์
เรากำลังเดินทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตคริสตชน โดยผ่านทางท่านนักบุญโฟสิตนา ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว นักบุญโฟสตินาต้องการจะรู้ว่า “พระเป็นเป็นใคร” แต่พระเจ้าได้ทรงเผยแสดงแก่ท่านนักบุญว่า ไม่มีใครรู้จักพระเจ้าได้อย่างถ่องแท้“พระเจ้าเป็นใครนั้น ไม่มีใครหยั่งถึงแก่นแท้ของพระองค์ได้ ไม่ว่าจะด้วยปัญญาของทูตสวรรค์หรือของมนุษย์”พระเยซูเจ้าตรัสกับดิฉัน “จงมารู้จักพระเจ้าโดยการเพ่งพิศใคร่ครวญคุณลักษณะทั้งหลายของพระองค์เถิด”(บันทึกวิญญาณนักบุญโฟสตินา: ๓๐)
คุณลักษณะของพระเจ้า
คุณลักษณะประการแรกที่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ดิฉันทราบก็คือ“ความศักดิ์สิทธิ์” ของพระองค์ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่เป็นนักหนา จนว่าบรรดานิกรมหาอำนาจและนิกรฤทธิ์กุศลต่างมีความยำเกรงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ บรรดาจิตบริสุทธิ์ต่างป้องหน้าจดจ่ออยู่กับการนมัสการบูชามิรู้จบ พวกเขาแสดงรูปแบบการนมัสการบูชาระดับสูงสุดออกมาเป็นคำพูดเพียงคำเดียว นั่นคือคำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์...’ พระเจ้าประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พระศาสนจักรและบรรดาผู้เป็นทั้งหมดในพระศาสนจักรแต่หาใช่ในระดับเดียวกันไม่ มีทั้งคนที่พระเจ้าประทานให้เต็มที่และคนที่เกือบไม่มีความศักดิ์สิทธิ์เลย(บันทึกวิญญาณนักบุญโฟสตินา: ๑๘๐)
คำว่า “ความศักสิทธิ์ของพระเจ้า” ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ของประกาศกอิสยาห์ ประกาศกอิสยาห์ได้บันทึกว่า “พระองค์ผู้สูงส่งควรเทิดทูนผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดรและทรงพระนามว่า ผู้ศักดิ์สิทธิ์”(อสย.57:15)“ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บนพระบัลลังก์สูงและตั้งอยู่บนที่สูงชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหารเสราฟหลายตนยืนอยู่เหนือพระองค์โดยรอบแต่ละตนมีปีกหกปีกใช้สองปีกบังหน้าสองปีกคลุมเท้าและสองปีกใช้บินเสราฟแต่ละตนต่างร้องรับกันว่า“ศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์พระยาห์เวห์จอมจักรวาล แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” (อสย. 6:1-3)
และในวิวรณ์ “ผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนต่างมีปีกหกปีกตาอยู่รอบตัวและอยู่ใต้ปีกต่างร้องสรรเสริญตลอดวันตลอดคืนโดยไม่หยุดเลยว่าศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีต ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบันและผู้เสด็จมา” (วว.4:8)
เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า บรรดาสิ่งสร้างของพระองค์จะร้องขับเพลงสรรเสริญองค์พระผู้ศักดิ์สิทธิ์นักบุญโฟสตินาเองได้บันทึกว่า “บรรดาจิตบริสุทธิ์ต่างป้องหน้าจดจ่ออยู่กับการนมัสการบูชามิรู้จบ”(บันทึกวิญญาณนักบุญโฟสตินา: ๑๘๐)
ดังนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า“ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์และจะไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์ ประชาชาติทั้งหลายจะมาและกราบนมัสการพระองค์”(วว.15:4)
เวลาที่คริสตชนเข้าร่วมบูชามิสซาขอบพระคุณ มาถึงภาคบูชาขอบพระคุณ ช่วงศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีการร้องเพลงเราก็จะเปล่งเสียงออกมาว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าจอมจักรวาลพระสิริรุ่งโรจน์แผ่ไปทั่วฟ้าดิน สาธุการพระเจ้าสูงสุดขอถวายพระพรแด่ผู้เสด็จมาในพระนามพระเจ้า สาธุการพระเจ้าสูงสุด”
ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พ่อไม่สามารถบรรยายได้ว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มีมากเท่าไหร่ ประมาณไหน แม้แต่ประกาศกอิสยาห์ผู้เป็นพยานแรกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า (อ่าน อสย. 6) ยังบรรยายได้ไม่มากนัก นี่คือข้อจำกัดสิ่งสร้างของพระเจ้า แต่เราสามารถเข้าใจความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าได้ โดยสังเกตอาการ สังเกตปฏิกิริยาของผู้ที่พบพระเจ้า “ข้าพเจ้าพูดว่า วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้าข้าพเจ้าพินาศแล้วเพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากมีมลทินอาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทินถึงกระนั้นนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์คือพระยาห์เวห์จอมจักรวาล”(อสย. 6:5) ทันทีประกาศกพบความศักดิ์สิทธ์ของพระเจ้า ก็พบว่าตนเองมีมลทิน ไม่สะอาด
แม้แต่นักบุญโฟสิตนา “ดิฉันยังได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอย่างชัดเจนด้วย ดิฉันไม่กล้าแม้แต่เงยหน้าขึ้นมองพระองค์ ได้แต่สลายตัวตนเป็นเถ้าธุลีอยู่ใต้พระบาทอ้อนวอนขอความเมตตา”(บันทึกวิญญาณนักบุญโฟสตินา: ๒๓) นักบุญโฟตินายังไม่กล้ามองพระเจ้า เมื่อพบความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พี่น้องลองคิดเองว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ยิ่งใหญ่เพียงใด
ในเวลาที่เราภาวนา ก่อนที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้ ต้องผ่านขั้นตอนที่นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน เรียกว่า “Dark Night”(คืนมืด) และต้องผ่าน “Purification” (การชำระให้บริสุทธิ์) ก่อนที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้
แม้แต่โมเสสก่อนที่จะพบกับพระเจ้าบนภูเขา พระองค์ตรัสห้ามว่า“อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้จงถอดรองเท้าเสียเพราะสถานที่ที่ท่านยืนอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” (อพย.3:5)
นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าของเรา
(อ่านต่อฉบับหน้า)