(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
พระเยซูเจ้าเป็นนักภาวนา และเป็นผู้รักภาวนา เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาแม้พระเยซูเจ้าเป็นพระเป็นเจ้า เป็น"เป็นบุตรสุดที่รักของเรา" (มธ.3:13-17) พระองค์ทรงภาวนาก่อนเสมอในทุกกิจการที่พระองค์ทรงกระทำ พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเป็นเจ้ายังภาวนามากเช่นนี้ แล้วเราควรจะต้องภาวนามากด้วยเช่นเดียวกัน
ลองมาดูกันว่าพระเยซูเจ้าภาวนาช่วงไหนบ้าง?
1. ก่อนพระเยซูเจ้าจะเริ่มพันธกิจสาธารณะของพระองค์ พระองค์เข้าเงียบในถิ่นทุรกันดารก่อน 40 วัน (มัทธิว 4:1-2) และ “ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออกและพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”(ลูกา 3:21)
การภาวนาของพระเยซูเจ้าก่อนเริ่มพันธกิจสาธารณะนี้ สอนเราว่าก่อนที่คริสตชนจะเริ่มกิจการอะไร เราต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้าในการภาวนา เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้นำทางและอวยพรในระหว่างการทำกิจการต่าง ๆ ของเรา
ในพระวรสารยังบันทึกไว้ว่าการภาวนาของพระเยซูเจ้านำโดยพระจิตเจ้า และพระองค์ได้รับการเจิมจากพระจิตเจ้า(มัทธิว3:16; มาระโก1:10; ลูกา3:22; ยอห์น1:32;กิจการอัครสาวก 10:38) ในวันที่พระเยซูเจ้าไปที่ศาลาธรรมและอ่านหนังสือม้วนกระดาษจากประกาศยอิสยาห์ว่า
“พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้าเพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจนทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำคืนสายตาให้แก่คนตาบอดปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลงสายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลาธรรมต่างจ้องมองพระองค์พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า“ในวันนี้ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว”(ลก. 4:18) |
กิจการอัครสาวก 10:38บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า “พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธด้วย พระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปที่ใด ทรงกระทำความดีและทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์”
ในลูกา 4:14บันทึกว่า “พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปแคว้นกาลิลีพร้อมด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วแว่นแคว้นนั้น”
การเจิมนี้เป็นการยอมรับว่า พระองค์จะกระทำพันธกิจของพระบิดาที่ได้มอบหมายให้พระองค์บนโลกนี้ หากพระเยซูเจ้าต้องการการเจิมจากพระจิตเจ้า (มัทธิว3:16; มาระโก1:10; ลูกา3:22; ยอห์น1:32;กิจการอัครสาวก 10:38)คริสตชนจำเป็นและต้องการการเจิมด้วยพระจิตเจ้าด้วยเช่นกันในการทำงานและการเจริญชีวิตเป็นคริสตชนอย่างเข้มข้น ซึ่งเราได้รับการเจิมแล้วในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
(ติดตามตอนต่อไป)