(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ความเดิมตอนที่ 6 บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าให้มอบให้คริสตชนคือ การภาวนาของคริสตชนไม่เพียงแต่ภาวนาสำหรับผลประโยชน์ของตนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องเป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า และนี่น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่พระเยซูเจ้าสอนคริสตชนภาวนาในช่วงหนึ่งของบท “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ว่า พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ (มธ. 6:10)
มาถึงตอนสุดท้ายของชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้า การภาวนาคริสตชนนั้น ต้องเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า ซึ่งเราพบจุดหมายของภาวนาได้ชัดในพระวรสารนักบุญยอห์นบทที่ 17 พระเยซูเจ้า ถวายพระพรแด่พระบิดา สิ่งที่พระองค์ได้รับบนแผ่นดินนี้ พระองค์ถวายเป็นพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระบิดา พระองค์ได้ภาวนาเพื่อรื้อฟื้นความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพระบิดากับประชากรของพระเป็นเจ้า เหมือนอย่างที่พระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา
ดังนั้น จุดประสงค์การภาวนาของบรรดาคริสตชน จึงต้องเป็นภาวนาถวายชีวิตประจำวัน ไม่ว่าชีวิตประจำวันของคริสตชนจะมีความทุกข์หรือมีความสุข, จะยากลำบากหรือสบายเพียงใด เพื่อเป็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาเจ้า เหมือนอย่างพระเยซูเจ้าด้วย ดั่งที่บทจดหมายถึงชาวฮีบรูบทที่ 5 ข้อที่ 7 “ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอคร่ำครวญและร่ำไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้พระเจ้าทรงสดับเพราะความเคารพยำเกรงของพระเยซูเจ้า”
หากคริสตชนจริงใจกับการภาวนา จะเห็นได้ชัดจากบทจดหมายถึงชาวฮีบรู พระเป็นเจ้าฟังคำของเรา และตอบสนองคำภาวนาของเราเสมอ
ชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้า พระองค์ไม่เพียงแต่ภาวนาเพื่อสรรเสริญพระบิดาเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของการภาวนาของผู้ที่ติดตามพระองค์ด้วย พระเยซูเจ้าสอนภาวนาในแบบที่ไม่ต้องเข้าห้องเรียนนั่งเรียนเป็นวัน ๆ เทอม ๆ ปี ๆ แต่พระองค์ทำให้เห็น เวลาภาวนาพระองค์ทำอะไรบ้าง? แล้วให้เราได้เลียนแบบการภาวนาของพระองค์
จบบริบูรณ์