(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ในช่วงต้นๆของศตวรรษที่ 19 ยังมีชาวไร่คนหนึ่ง
ที่เกิดความรู้สึกสงสารเด็กหญิงคนหนึ่งที่ถูก
นำมาขายเป็นทาสในตลาดค้าทาส เด็กหญิงคนนี้
เอาแต่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา แน่นอนเธอคงไม่มี
ความสุขเลยที่ต้องถูกกระทำเช่นนี้
ด้วยความสงสารอย่างจับใจ ชาวไร่ผู้นี้จึง
ได้ขอซื้อเธอด้วยราคาที่สูงมากแล้ว
เขาก็หายตัวไปจากฝูงชนที่นั้น
เมื่อนายค้าทาสได้รับเงินค่าตัวแล้วจึงได้มาหาเจ้าหน้าที่
เพื่อจะได้ปล่อยตัวทาสที่ถูกซื้อไปนั้น เด็กหญิงคนนี้
ต้องแปลกใจอย่างมากทีเดียวเพราะชาวไร่
ผู้มีใจเมตตาได้เขียนแต่เพียงว่า
“ ให้เป็นอิสระ ”
โดยไม่ต้องการตัวเธอไปทำงานเลย เธอยืนนิ่ง
พูดอะไรไม่ออก ในขณะที่ทาสคนอื่นๆที่มีผู้ซื้อตัวไป
กลับถูกฉุดกระชากลากถูไปตามพื้น เพื่อไปรับใช้เจ้าของ
รายใหม่นั้นๆ ระหว่างภาพอันน่าหดหู่ใจนั้น
เด็กหญิงผู้นี้ก้มลงไปยังแทบเท้าของเจ้าหน้าที่และ
ร้องเรียนว่า
“ท่านเจ้าขา ใครคือผู้ที่ซื้อหนู หนูต้องการพบเขา
เขาให้อิสรภาพแก่หนู”
แล้วเธอก็กล่าวต่อไปว่า...
คํ า ถ า ม
- เธอกล่าวอะไรต่อไปอีก?
- เรื่องนี้ให้บทสอนอะไร?
ต อ บ
- “หนูจะต้องรับใช้เขาไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
- ความเมตตาที่ชาวไร่ได้ให้แก่เด็กหญิงผู้นี้
ทำให้เธอปรารถนาที่จะเป็นทาสของเขาไป
จนตลอดชีวิต
ความรักช่วยขจัดสันดานดิบมากกว่า
การบังคับและขู่เข็ญใด ๆ
โดย คุณสุญาโณ จงตระกูลศิริ