(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ชื่อคริสต์มาสมาจากภาษาอังกฤษ "มิสซาของพระคริสต์"
คือพิธีนมัสการที่ชาวคาทอลิคทำกันในเวลาเที่ยงคืนของ
คืนวันที่ 24 เดือนธันวาคม ชาวเยอรมันเรียกว่า "ไวน์หนากท์"
ซึ่งแปลว่า "คืนศักดิ์สิทธิ์" ชาวเยอรมันเป็นคนเริ่มใช้ต้นไม้คริสต์มาส
ก่อนคนอื่น (เมื่อประมาณปีค.ศ. 1000) เขาใช้ต้นไม้คริสต์มาสเพื่อ
ตกแต่งบ้านด้วยและในปีค.ศ.1800 การใช้ต้นไม้คริสตมาสได้แพร่หลาย
ไปทั่วภาคเหนือของยุโรป แล้วต่อมาอีกไม่นาน ก็มีชาวเยอรมันอพยพ
ไปยังสหรัฐอเมริกาจึงได้เริ่มใช้ต้นไม้คริสต์มาสที่นั้นด้วย
ปัจจุบันชาวอเมริกาก็ใช้กันเกือบทุกครอบครัว
ดอกไม้คริสตมาส ในภาษาอังกฤษมีชื่อว่า "พอยน์เสตทา"
ตามชื่อของ ดร.โจเอล โรเบิร์ทพอยน์เสตทา เอกอัครราชฑูตของ
สหรัฐอเมริกาที่ได้พบดอกไม้ชนิดนี้ในประเทศเม็กซิโก เมื่อค.ศ.1828
ชาวอเมริกากลางก็เรียกว่า "ดอกไม้คืนศักดิ์สิทธิ์" การให้ของขวัญใน
วันคริสต์มาสเป็นธรรมเนียมนี้ เริ่มกับชาวโรมที่เคยให้ของขวัญแก่เพื่อน
ในวันขึ้นปีใหม่(มักจะเป็นผลไม้ ขนม หรือทองคำ) ต่อมาชาวอังกฤษถือ
"วันกล่อง" (ในวันที่ 26 ธันวาคม)เป็นวันที่ศิษยาภิบาลเคยเปิด
"กล่องทาน" ในโบสถ์และแจกเงินให้สมาชิกที่ยากจน ต่อมาชาวอังกฤษ
ก็ให้ของขวัญแก่พวกคนใช้และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในวันนั้นด้วย ในทวีปยุโรป
เด็กๆ มักจะเข้าใจว่า พระกุมารเยซูเป็นผู้นำของขวัญมาให้เขา
(แท้จริงแล้วพ่อแม่เป็นผู้ที่ให้ต่างหาก)แต่เด็กที่สหรัฐอเมริกา
มักจะคิดว่า "ซานตาคลอส" เป็นผู้ให้
ในคืนก่อนวันคริสต์มาสหรือคริสต์มาสอีฟ จะมีงานแครอลลิ่ง ซึ่งจะมีเด็กๆ
ไปร้องเพลงตามบ้านในคืนวันคริสต์มาส ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์
จะมารวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นการแสดง ร้องเพลง
โดย คุณจอมจุรี