(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
“มองดูกางเขน มองดูพระองค์ ปวดร้าวก็ทรงนิ่งเฉย
มองดูตัวเรา มองดูทุกข์เรา ปวดร้าวเท่ากันแน่หรือ”
สิ่งที่เรากำลังคิดอยู่ ก็มีคนคิดได้ และชี้นำเอาไว้ก่อนแล้ว
เมื่อมีตัวเราเป็นโลก ทุกข์ของเราก็ต้องใหญ่กว่าใครๆ
เมื่อคิดจะร้องหาความยุติธรรม ลองมาดู “นายเยซู”
ดูก่อน
“พระอาจารย์ พระอาจารย์”
กี่เสียง กี่คน ร้องตะโกน เยินยอ
พระอาจารย์ย่างกายไปทางไหน มีแต่คนสรรเสริญ ชื่นชม
เพียงชั่วข้ามคืน จากพระอาจารย์ กลับกลาย
เป็นแค่ “เยซูขี้แพ้”
ไหนกัน คนที่เคยชื่นชม และสรรเสริญเยินยอ เหลือแต่
คนมามุงดู และร้องตะโกน
“เอามันไปตรึงกางเขน เอามันไปตรึงกางเขน”
เหมือนยืนอยู่บนยอดเขาแล้วตกแอ้กมาที่เชิงเขา
“เราไม่พบความผิดใดในตัวชายผู้นี้”
“เอามันไปตรึงกางเขน เอามันไปตรึงกางเขน”
เสียงตะโกนดังเซ็งแซ่ นี่นะหรือ ผลตอบแทนพระอาจารย์
แล้วยุติธรรมอยู่ที่ไหน ยุติธรรมที่เราร้องหา
หนักหนาสาหัสเท่านี้ไหม????
ในชีวิตเราเคยรักใครสักคน - - -มาก จนตายแทนเขาได้ไหม
แค่รักจนคิดตายแทนยังยาก แต่ “เยซูขี้แพ้” คนนี้
ตายแทนได้ แม้กระทั่ง “คนหน้าซื่อใจคดทั้งหลาย”
ส่วนเราล่ะ อย่าว่าแต่รับผิดแทนใครสักคน แค่เลิกป้ายความผิด
ให้คนอื่น เพื่อให้เราได้เป็นคนดีกว่าเขา
แค่นี้ เราทำได้หรือเปล่า ????
“ท่านที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดจงทำตนเป็นผู้น้อยที่สุด
ผู้ที่เป็นผู้นำ จงเป็นผู้รับใช้” (ลก. 22:26)
คำสั่งสอนนี้ดูจะตรงข้าม กับความจริงโดยสิ้นเชิง
ถ้าเราไม่วางโต แล้วใครจะรู้ ว่าเรามีอำนาจเล่า....
แต่ถ้าใครไม่ทำตามนี้
ก็เป็นแค่เพียง คนมีอำนาจของโลกนี้เท่านั้น นายเยซู
ผู้เรืองอำนาจ ใครๆก็เรียกขานว่า
“พระอาจารย์ พระอาจารย์”
ก็ไม่ต่างกับคนมีอำนาจของโลกนี้ อีกหนึ่งคน แต่ นายเยซู
ที่มีอำนาจ เพราะความดี และความรักที่มีต่อทุกคน
อำนาจนี้ต่างหาก ที่ “นายเยซู” ได้รับการเรียกขานว่า
“พระเยซูเจ้า” มาตลอดสองพันปี
“ถ้าโลกเกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ไว้เถิดว่า
โลกเกลียดชังเราก่อนแล้ว” (ยน.15:18)
โดย คุณ Van