(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เพราะมันฟังไม่ขึ้น
ถ้าใครสักคนจะพูดว่า
"...เพราะฉันอยู่ในที่แย่ ๆ แบบนี้แหละ
ฉันถึงได้ชั่วไง!!!..."
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนที่เราเกี่ยวข้อง เพราะมันฟังไม่ขึ้น
ถ้าใครสักคนจะพูดว่า
"...เพราะมันเลวไง เรื่องอะไรฉันต้องทำดีกับมัน
ถ้ามันเป็นคนดีสิ ฉันถึงจะทำดีด้วยได้!!!..."
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมตนเองของเรา
เพราะตัวเราย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจว่า มันคือความชั่ว
ถ้าเรายิ้มให้ใครสักหนึ่ง แต่ตะโกนก้องในหัวใจว่า
"...ฉันเกลียดแก!!!..."
ความดีและความชั่วมีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คุณหรือผม
หรือใครจะอุบัติขึ้นในโลกนี้ และจะคงอยู่ในโลกนี้ไปอีกนาน
เกินกว่าคุณหรือผมหรือใครก็ตามจะสามารถมีชีวิต
อยู่เพื่อรับรู้ถึงจุดสิ้นสุด
ใครเล่าจะอวดอ้างว่า เขา "มี" ในสิ่งที่มีอยู่มานานแล้ว
ก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก และ แม้เขาได้ตายไปแล้ว
สิ่งนั้นจะยังดำรงอยู่ต่อไป ไม่ได้สูญสลายตามเขาไปด้วย
ใครจะกล้าอ้างตนยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ?
มนุษย์เป็นได้แค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของ ความดี หรือ
ความชั่วเท่านั้น ไม่ใช่ว่า ความดีหรือความชั่ว
เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์คนหนึ่งคนใด
ไม่มีใครเป็น คนดี หรือ คนชั่ว มีเพียงแค่คนที่ตั้งใจจะ
"ขอ" เป็น "ส่วนหนึ่ง" ของความดี หรือ คนที่ไม่คิดอะไร
ไม่สนใจอะไร จนปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในวังวนของ
ความชั่ว เท่านั้นแหละ
ไม่มีใครรู้ว่าความชั่วอยู่ที่ไหน เพราะมันไม่ประกาศตัว
มันหลบซ่อน มันอยู่ในความมืด ความจริงแล้วหากใคร
ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของความชั่วเสียแล้ว
ก็ง่ายมาก เพราะเพียงเขาอยู่เฉย ๆ เขาก็จะร่วงลงสู่
ความชั่วโดยธรรมชาติเองอยู่แล้ว ไม่ต่างกับวัตถุที่ย่อม
ร่วงหล่นลงสู่ที่ต่ำเสมอหากไม่มีแรงยกหรือฉุดรั้งไว้
แต่ทุกคนรู้ว่าความดีอยู่ที่ไหน เพราะความดีได้รับการประกาศ
และเป็นความสว่าง
"... เพราะเรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่า
พระคริสตเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนเราเป็น
เพียงผู้รับใช้ท่านทั้งหลาย เพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า
พระเจ้าผู้ตรัสว่า “ให้แสงสว่างส่องออกมาจากความมืด”
ก็เป็นผู้ทรงฉายแสงเข้าสู่จิตใจของเรา เพื่อส่องสว่างให้
เรามีความรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
พระสิริรุ่งโรจน์นี้ปรากฏอยู่บนพระพักตร์
ของพระคริสตเจ้า..." (2คร.4:5-6)
จะดี หรือ จะชั่ว อยู่ที่คุณจะ " ข อ "
เป็นส่วนหนึ่งของ " พ ร ะ เ จ้ า " หรือ ไม่
โดย คุณรอหรรษ์