(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
เจ้าตูบเป็นสุนัขจรจัดที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ โดยไม่มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง เที่ยวเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น
ตามประสาของสุนัขที่ไร้เจ้าของ แต่ถึงกระนั้น เจ้าตูบก็รู้สึกมีความสุขดีที่ชีวิตมีความเป็นอิสระเสรีภาพ
โดยไม่ต้องตกอยู่ในการดูแลเลี้ยงดูของใคร ซึ่งทำให้ชีวิตของมันมีความเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลา
โดยไม่ต้องติดอยู่ในกรงขังแห่งบุญคุณที่ไม่มีวันเป็นอิสระ
แม้ว่าบางทีอาจจะเกิดกรณีพิพาทหรือทะเลาะวิวาทกันขึ้นบ้างกับเพื่อนสุนัขทั่ว ๆ ไป
แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทุกอย่างก็จบลงด้วยดี และต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพและวิถีทางของตน ๆ
เจ้าตูบคงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นและคงจะดำรงชีวิตอยู่ไปได้อีกยาวนาน
ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับมันเสียก่อน เพราะอยู่มาวันหนึ่ง
ขณะที่เจ้าตูบกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ข้างถนนอย่างมีความสุข ก็มีเด็ก ๆ อายุประมาณ ๙-๑๐ขวบ
จำนวน ๕ คน ค่อย ๆ เดินย่องเข้ามาหาตัวมัน และช่วยกันจับหัว จับขา และจับคอของมันเอาไว้อย่างแน่นหนา
จนกระทั่งเจ้าตูบไม่สามารถที่จะดิ้นหรือขยับตัวได้
ขณะนั้นมีเด็กคนหนึ่งได้เอาอะไรอย่างหนึ่งผูกมัดไว้ที่เอวเจ้าตูบ เมื่อผูกเสร็จแล้วก็พากันนับหนึ่งถึงสาม
จากนั้นเด็ก ๆ เหล่านั้นก็พากันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายเจ้าตูบเองนั้น เพราะความที่ตกใจกลัวอย่างมาก พอถูกปล่อยเป็นอิสระ ก็เลยวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
ซึ่งขณะที่วิ่งหนีนั้น เจ้าตูบก็ต้องรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ดูเหมือนกับ มีอะไรวิ่งตามหลังมา
และยิ่งส่งเสียงดังน่ากลัวขึ้นทุกที เลยทำให้เจ้าตูบยิ่งตกใจและวิ่งอย่างลืมตายมากยิ่งขึ้น
โดยที่ไม่ได้หันมามองดูหรือหยุดพิจารณาดูให้แน่ใจเสียก่อนว่ามันคืออะไรกันแน่
เจ้าตูบก็เลยได้แต่วิ่ง ๆ และวิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีการหยุดหย่อนเอาเสียเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น มีคนพบเจ้าตูบนอนสิ้นลมหายใจอยู่ที่พุ่มไม้ริมถนนแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ หมู่บ้านมาลีสรรค์
โดยสภาพศพของเจ้าตูบนั้น อยู่ในสภาพเอาหัวมุดเข้าไปในพุ่มไม้ ซึ่งทำให้มองเห็นได้แค่เพียงลำตัวและส่วนหางเท่านั้น
และที่เอวของเจ้าตูบนั้นมีเชือกไนล่อนเส้นหนึ่งผูกมัดไว้อย่างดี
ที่ปลายเชือกเส้นนั้นมีกระป๋องน้ำอัดลมลูกหนึ่งถูกเจาะตรงกลางเป็นรูและเอาเชือกเส้นนั้นมัดไว้
ผู้ที่ได้พบเห็นศพเจ้าตูบต่างก็รู้สึกเศร้าและสลดสังเวชใจไปตาม ๆ กัน
ชายใจดีคนหนึ่งทนเห็นสภาพรันทดใจเช่นนั้นต่อไปไม่ไหว
ได้นำเอาจอบมาขุดหลุมฝังศพเจ้าตูบเอาไว้ พร้อม ๆ กับเขียนป้ายปักติดไว้ที่หน้าหลุมฝังศพของเจ้าตูบแผ่นหนึ่ง
โดยข้อความมีอยู่ว่า….
" แด่……เจ้าตูบ สุนัขจรจัด ผู้วิ่งหนีกระป๋องน้ำอัดลมจนสิ้นใจ "
ชีวิตของคนเรามีความเป็นไปมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตที่แต่ละคนได้เลือกสรรและ
เลือกที่จะดำเนินไปด้วยลำแข้งของตนเอง บ้างก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ต้องหกล้มหกลุกคลุกคลานอยู่เสมอ ๆ
เกือบตลอดเวลา ซึ่งบางสิ่งบางอย่างกว่าที่จะได้มา บางครั้งก็ต้องสูญเสียทั้งน้ำตาและแลกมาด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร จะดีหรือร้าย จะร่ำรวยหรือยากจนปานใด
ชีวิตก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของยังต้องรักใคร่ทะนุถนอม หวงแหน
และพยายามอยู่เสมอที่จะนำชีวิตของตนไปสู่ความดีงามที่ดีกว่าเสมอ
ไม่ว่าหนทางสายนี้จะเต็มไปด้วยปัญหาหรืออุปสรรคมากมายสักแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ยังอยากที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป
เพราะชีวิต คือ การเคลื่อนไหว ไม่ใช่การหยุดนิ่งอยู่กับที่ การก้าวเดินไปข้างหน้า แม้จะเป็นเพียงก้าวเดียว
แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว...มิใช่หรือ
ธรรมชาติและความเป็นไปของชีวิต ย่อมมีขึ้น ๆ ลง ๆ ประดุจดั่งสายแม่น้ำที่บางครั้งก็เต็มปริ่มจนล้นฝั่ง
ในขณะที่บางครั้งก็ลดลงจนแห้งขอด เหมือนกับชีวิตของคนเราที่ย่อมจะมีทั้งสุขทุกข์ นินทาสรรเสริญ
สมหวังผิดหวัง มีทั้งการได้รับและการสูญเสีย ซึ่งทุก ๆ คนสามารถที่จะสัมผัสและเรียนรู้ได้ในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต
เพราะถนนชีวิตสายนี้มิได้โรยไว้ด้วยดอกกุหลาบ การดำเนินชีวิตของคนเราในแต่ละวัน
จึงย่อมจะมีทั้งความเรียบง่าย และความยากลำบาก
อาจมีหลาย ๆ ครั้งที่เราต้องพบกับปัญหาหรืออุปสรรคที่หนักหน่วงเกินกว่าจะอดทนไหว
ทั้งปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาด้านจิตใจที่เข้ามารุมล้อม จนอาจทำให้เรารู้สึกท้อแท้ไปบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็คือกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดขึ้น
เราจึงไม่ควรวิ่งหนีปัญหา เพราะการวิ่งหนีปัญหาก็คือการวิ่งหนีตัวเอง แต่เราควรที่จะใช้สติปัญญาและความอดทนเข้าไปแก้ไข
ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราเองที่จะต้องต่อสู้และแก้ไขมันด้วยตนเอง จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลง
เมื่อมีปัญหาที่ใด ก็จงแก้ไขตรงจุดนั้น เมื่อทุกข์ที่กาย ก็จงแก้ไขที่กาย
และเช่นกันเมื่อมีความทุกข์หรือปัญหาเกิดขึ้นที่ใจก็จงแก้ไขปัญหาเหล่านั้นที่ใจ
ด้วยว่าไม่มีความทุกข์หรือปัญหาใด ๆ ในโลกนี้ที่เราจะดับหรือแก้ไขไม่ได้
ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อย ที่หลงระเริงอยู่กับเกียรติยศและความสุขจนลืมตัว
ตลอดจนหยิ่งทรนงในความกล้าหาญและยิ่งใหญ่อันจอมปลอมของตนเอง แต่เมื่อถึงยามที่ชีวิตต้องพบกับอุปสรรคหรือปัญหา
ก็กลับวิ่งหนีปัญหา หรือโยนความผิดให้กับสิ่งอื่น โดยขลาดกลัว ไม่ยอมที่จะเผชิญปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งชีวิตของเขาเหล่านั้น
ช่างเป็นชีวิตที่อาภัพและน่าสงสาร เพราะไม่มีความแตกต่างใด ๆ กับชีวิตของเจ้าตูบที่วิ่งหนีตัวเองและกระป๋องน้ำอัดลม
จนสิ้นลมหายใจ....
โดย คุณสุญาโณ จงตระกูลศิริ