(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ชายป่วยหนักสองคน จำต้องมารักษาตัวในห้องเดียวกันของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
คนหนึ่งได้รับอนุญาตให้นั่งบนเตียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงในตอนบ่ายเพื่อช่วยถ่ายเทของเหลวออกจากปอด
เตียงของเขาอยู่ด้านเดียวกับหน้าต่างของห้อง ส่วนชายอีกคนหนึ่งต้องนอนราบอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้
ทั้งสองคนพูดคุยกันตลอดเวลา พูดถึงภรรยาและครอบครัวทางบ้านและการงานและอื่น ๆ
ทุกๆบ่าย เมื่อชายข้างหน้าต่างได้นั่งบนเตียง เขาก็จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นบรรยายถึงทุกสิ่งที่เขาเห็นอยู่นอกหน้าต่างนั้น
ให้เพื่อนร่วมห้องของเขาฟัง ชายอีกคนหนึ่งเริ่มรอคอยถึงหนึ่งชั่วโมงนั้นของทุก บ่าย
เพื่อให้ชีวิตเปิดกว้างและมีชีวิตชีวาไปกับกิจกรรมและสีสันของโลกที่อยู่นอกหน้าต่างนั้น
จากหน้าต่างสามารถมองเห็นสวนต้นไม้ร่มรื่นและทะเลสาบ มีเป็ดและหงส์เล่นน้ำ ส่วนเด็ก ๆ ก็เล่นเรือบังคับวิทยุขนาดเล็ก
คู่หนุ่มสาวควงแขนกันท่ามกลางดอกไม้หลากหลายสี ขณะที่ชายข้างหน้าต่างบรรยายรายละเอียดเหล่านี้
ชายอีกคนหนึ่งก็จะหลับตาและสร้างจินตนาการติดตามไป
บ่ายวันหนึ่ง ชายข้างหน้าต่างบรรยายถึงขบวนพาเหรดที่กำลังผ่านไป แม้ชายอีกคนหนึ่งจะไม่ได้ยินเสียงดนตรี
แต่เขาก็สามารถมองเห็นด้วยสายตาแห่งจิตใจ โดยอาศัยคำบรรยายที่ได้ฟัง
เช้าวันหนึ่ง พยาบาลเข้ามาและพบว่า ชายข้างหน้าต่างนั้นเสียชีวิตแล้วอย่างสงบเหมือนนอนหลับไป
เธอเสียใจและเรียกให้เจ้าหน้าที่นำศพออกไป
ทันทีที่เห็นว่าเหมาะ ชายอีกคนหนึ่งก็ถามว่าตนจะย้ายไปอยู่เตียงข้างหน้าต่างได้หรือไม่ พยาบาลมีความสุขมากที่เห็นว่า
ชายคนนั้นมีความต้องการที่จะมีชีวิต และได้เปลี่ยนเตียงให้ เมื่อเขาอยู่ตามลำพัง เขาพยายามดันตัวเองด้วยศอกข้างหนึ่งช้าๆ
ด้วยความเจ็บปวด เพื่อที่จะมองดูโลกภายนอกด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรก ที่สุด เขาก็ทำสำเร็จ
และพยายามหันศีรษะมามองดูหน้าต่างข้างเตียงของเขา เขากลับพบแต่ผนังที่ว่างเปล่า ...
ชายคนนั้นถามนางพยาบาลว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาทำได้อย่างไร ที่บรรยายภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่างได้อย่างน่าฟัง
นางพยาบาลตอบว่า ชายคนนั้นตาบอด และมองไม่เห็นแม้กระทั่งผนัง “บางที เขาคงต้องการพูดเพื่อให้กำลังใจคุณ”
ความสุขที่แบ่งปันให้ผลทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ ...
โดย คุณสุญาโณ จงตระกูลศิริ