(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
วันหนึ่ง เด็กชายยากจนคนหนึ่งซึ่งต้องหาของขายไปตามบ้านต่างๆ
เพื่อหาสตางค์เรียนหนังสือ มีเหรียญสตางค์อยู่ในกระเป๋าแค่ 15 หยวน
และเวลานั้น เขารู้สึกหิวมากเขาตัดสินใจว่า จะขออาหารทานจากบ้านหลังถัดไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวน่ารักคนหนึ่งเปิดประตู เขาก็อายจนไม่กล้าขออาหารทาน
จึงเพียงแต่ขอน้ำดื่มเท่านั้น หญิงคนนั้นเห็นว่า เด็กชายคนนี้ท่าทางหิวมาก
จึงไปนำเอานมแก้วใหญ่แก้วหนึ่งมาให้ เขาดื่มนมแก้วนั้นช้าๆ พอหมดแล้ว เขาก็ถามว่า
“ผมเป็นหนี้คุณอยู่เท่าไรครับ?”
เธอตอบว่า “เธอไม่เป็นหนี้อะไรฉันเลย คุณแม่สอนเราว่า
อย่ารับอะไรตอบแทนความใจดี”
เด็กชายคนนั้นจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมขอขอบคุณมากจากหัวใจของผม”
เมื่อเด็กชายคนนี้ คือ ห่ายกูเหนียง จากบ้านนั้นมา เขามิได้เพียงอิ่มกาย
แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความเชื่อในพระเจ้าและในเพื่อนมนุษย์ด้วย ทั้งๆที่ ก่อนหน้านั้น
เขารู้สึกท้อแท้และหมดอาลัยตายอยากอยู่แล้วหลายปีผ่านไป
หญิงสาวคนนั้นป่วยหนักขั้นอันตราย หมอท้องถิ่นไม่สามารถวินิจฉัยได้
ที่สุดจึงส่งตัวเธอไปยังเมืองใหญ่เพื่อให้หมอผู้เชี่ยวชาญมาวินิจฉัย คุณหมอห่ายกูเหนียง
ถูกเรียกมาให้คำปรึกษาในกรณีนี้ เมื่อเขาได้ยินชื่อเมืองที่คนไข้มา ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้น
และโดยทันที เขารีบไปยังห้องของคนไข้คนนี้ และสามารถจำเธอได้ทันที
เขากลับไปยังห้องวินิจฉัยโรค และพยายามสุดความสามารถที่จะรักษาชีวิตของเธอไว้
ตั้งแต่วันนั้น เขาเฝ้าเอาใจใส่กรณีนี้เป็นพิเศษ และหลังจากต่อสู้พยายามอย่างหนัก
เธอก็รอดชีวิตได้ ...
คุณหมอ กูเหนียง ขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการส่งบัญชีค่ารักษาของเธอมาให้เขาตรวจสอบ
เป็นครั้งสุดท้าย เขาได้เขียนข้อความหนึ่งลงไปในบัญชีนั้น แล้วจึงส่งไปยังห้องคนไข้
เธอกลัวที่จะเปิดดูว่าค่ารักษานั้นเท่าไร เพราะแน่ใจว่าเธอคงต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
เพื่อหาเงินมาชำระค่ารักษานี้ ที่สุด เธอก็เปิดออกดู และสังเกตุเห็นข้อความที่เขียนไว้ข้างๆว่า
“จ่ายครบถ้วนแล้ว ด้วยนมหนึ่งแก้ว” ลงชื่อ คุณหมอ ห่ายกูเหนียง
น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองของเธอทันที ...
โดย คุณสุญาโณ จงตระกูลศิริ