อภัย

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

แสงอ่อน ๆ จากเทียนเล่มหนึ่งถูกวางตั้งอยู่บนพื้นระเบียง
ใกล้ ๆ กันนั้นมีมือซึ่งดูเหมือนพยายามไข่วคว้าจับเปลวของมัน
ลำแขนเหยียดออกจนสุดทำให้รู้สึกถึง
ความพยายามอย่างเหลือแสนของ "หนูนา"
หญิงสาวที่เกลือกกายคว่ำอยู่
แต่ด้วยศอกยันกายขึ้นจากพื้น
เผยให้เห็นใบหน้าเศร้าหมองกับสายตาเหม่อลอย
จับจ้องแสงเทียนอย่างไม่กระพริบ
ความขัดแย้งในตัวเองที่ดูประหลาดจากการกระทำ
อันมุ่งมั่นบนพฤติกรรมเลื่อนลอย
... ภาพเหตุการณ์ในช่วงอาทิตย์เพิ่งผ่านมา
แปลบปลาบสว่างขึ้นในความคิดของหนูนา

“...แล้วจะให้ นา ทำยังไง...”

หญิงสาวทรุดตัวลงกองอยู่กับพื้นห้องราวกับผ้าขี้ริ้ว
ที่ถูกใช้เช็ดสิ่งโสโครกอันขจัดออกไม่ได้
พร่ำคำร่ำไห้ออกมาแทบไม่เป็นภาษาด้วยเสียงแหบแห้งในลำคอ
ที่แม้แต่ตัวเธอเองยังเกือบไม่ได้ยิน
แต่ในขณะนี้มันกลับดังสนั่นก้องในความหวลคำนึง
แต่นั่นยังไม่ดังพอจะกลบเสียงตวาดที่สำรอกวาจา
เสียดแทงหัวใจจากปากของ "ธนา" แฟนหนุ่ม

“เป็นไง? ตอนนี้คิดเป็นแล้วเหรอ? คิดช้าไปหน่อยนะ
บอกไม่รู้จะกี่ครั้งแล้วว่าต้องกิน...ต้องกิน”

“อุตส่าห์หาซื้อมาให้ ก็แล้ว บอกวิธีใช้ ก็แล้ว”

“ โง่จริง ๆ บอกตรง ๆ พี่ไม่พร้อมจะเป็นพ่อคนตอนนี้นะ”

“ ไปเอาออกซะ...แล้วจะบอกให้ว่าต้องไปที่ไหน”


หนูนาเหมือนถูกฉุดหลุดจากวังวนแห่งความเจ็บปวด
ด้วยเสียงจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น เธอจ้องชื่อ "ภัทรา"
กระพริบอยู่บนจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
บุคคลผู้พยายามติดต่อเธอมาถึงสามวันแล้ว เธอหลับตาแล้ว
ตัดสินใจกดปุ่มโทรศัพท์ยุติความพยายามนั้นทิ้งอีก
เป็นครั้งที่ 53

ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ ๆ ไกลออกไปกว่าร้อย
กิโลมตรทางตะวันตก ภัทรา
แม่ผู้ไม่เคยยอมรับคำขอโทษจากใคร สาวใหญ่ผู้ไม่รู้จักความหมาย
แท้จริงของคำว่า "ความรัก" นักธุรกิจหญิงผู้เข้มงวดและไร้ปราณี
สำหรับเธอแล้ว ลูกสาวคือสมบัติล้ำค่าแสนหวงชิ้นหนึ่ง
เธอเก็บรักษาทรัพย์ชิ้นนี้ไว้เป็นอย่างดี ไม่มีใครเคยได้โอกาสเข้าใกล้
ณ วินาทีนี้เธอยังคงแนบโทรศัพท์ไร้สัญญาณกับหูอย่างแน่นิ่ง
ภัทราเพิ่งสำนึกในความจริงเป็นครั้งแรกว่าวัตถุอันประเมินค่ามิได้
ชิ้นนี้มีชีวิตจิตใจและสามารถปฏิเสธความต้องการของเธอได้

มีคนเคยบอกว่าความทรงจำดี ๆ ในวันวานของเราสามารถหล่อเลี้ยงจิตใจ
และนำมาซึ่งกำลังใจให้ดำเนินชีวิตที่ดีต่อไปได้ แต่ในขณะนี้
มันไม่ได้ให้ผลเช่นนั้นเลยสำหรับหนูนา เพราะภาพในอดีตอันสวยงาม
และน่าภาคภูมิใจของนักศึกษาสาวดีเด่นแห่งมหาวิทยาลัยอันมีชื่อเสียง
ผู้มีความพรั่งพร้อมทั้งฐานะเงินทองและวงศ์ตระกูลที่ใคร ๆ พากันอิจฉา
มันกลับกลายเป็นเหมือนอุปสรรคสำคัญขัดขวางการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอ
องค์ประกอบอันสมบูรณ์แห่งชีวิตของหนูนาซึ่งได้รองรับและ
เกื้อหนุนให้เธอโลดแล่นไปมาบนเส้นทางแสนสำราญที่เปรียบได้กับ
สะพานทองคำอันแข็งแรงและงดงาม ซึ่งทอดยาวข้ามผ่านขวากหนาม
ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ของสังคมจำต้องประสบ เพราะวันนี้เธอได้ล้มคว่ำ
เอื้อมมือไขว่คว้าและชะเง้อมองสะพานนั้นกำลังลุกไหม้ในกองเพลิง
สิ่งเดียวซึ่งช่วยค้ำจุนเธอเสมอมากำลังถูกเผาทำลายกลายเป็นเถ้าถ่านเสียแล้ว
ขณะนี้เธอรู้สึกเสมือนว่าตนกำลัง
ร่วงคว้างกลางเวหาลงสู่ก้นเหว หนูนาหาได้มีความกลัวใด ๆ
แต่กลับพร้อมกายใจปรารถนาจบทุกสิ่ง ณ พื้นพสุธา

ภัทรารู้สึกตัวอีกครั้งและพบว่าตนกำลังฟุบหน้าบนโต๊ะทำงานในออฟฟิต
หรูหราของเธอเอง สิ่งที่สมองซึ่งดูเหมือนไม่ทำงานในตอนนี้สามารถรับรู้ได้คือ
มันเป็นเวลาตีสองและเธอรู้สึกวิงเวียนราวกับทั้งจักรวาลกำลังโคจร
รอบตัวเธอเป็นศูนย์กลาง นอกจากนั้นแล้วหญิงเหล็กแห่งวงการธุรกิจ
เพียงแค่ต้องการไปให้พ้นจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ นี้เหลือเกิน
เธอกัดฟันลุกขึ้นคว้ากุญแจแล้วเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าสำนักงาน
แม้ในสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมขนาดนี้เธอตัดสินใจขับรถออก
ขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง

อาทิตย์สาดแสงอรุณเหลืองทองรองเรืองแทรกทิวแมกไม้ริมเส้นทางน่ารื่นรมย์
แต่มันไม่ได้ช่วยปลุกปลอบจิตใจอันทุกข์ระทมของภัทราเลยแม้แต่น้อย
การเดินทางอันปราศจากเป้าหมายยุติลงเมื่อภัทราต้องตกใจ
กับอาการกระตุกของเครื่องยนต์ที่เหมือนคนทุรนทุรายก่อนขาดใจตาย
และแน่นิ่งไปในที่สุด เธอกวาดสายตาบนแผงหน้าปัดและ
พบว่าเข็มชี้ระดับน้ำมันอยู่ในตำแหน่งยืนยัน
การพุ่งทะยานอย่างไร้สติจนไกลเกินกว่าเชื้อเพลิงในถังสามารถประทัง
เมื่อมองไปรอบ ๆ เธอไม่พบอะไรนอกจากทุ่งนาโล่ง ๆ
และกลุ่มอาคารขนาดเล็กสองถึงสามหลังห่างออกไปประมาณสามร้อยเมตร
หลังจากตรวจตราความเรียบร้อยรอบรถจนแน่ใจว่าสามารถจอดทิ้งไว้แล้ว
มันจะยังคงอยู่ที่เดิมเมื่อกลับมาอีกครั้ง เธอจึงเดินไปยังอาคารเหล่านั้น
โดยหวังขอความช่วยเหลือทางใดทางหนึ่ง ภัทราไม่แน่ใจว่า
การต้องมาลำบากลากสังขารกลางแดดแผดเผาในที่ซึ่งเธอไม่รู้จักแบบนี้
เป็นบุญหรือกรรมกันแน่ แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอรู้สึกดี
ที่หายจากอาการวิงเวียนอันแสนทรมานนั้นไปแล้วอย่างปลิดทิ้ง
ไม่นานนักเธอมาหยุดอยู่หน้าอาคารหลังแรกซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าติดถนน
มันเป็นวัดคาทอลิกหลังน้อย ๆ ซึ่งกำลังมีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
เธอตัดสินใจเดินเข้าไปภายในและนั่งลงบนเก้าอี้แถวหลังสุด
ขณะที่บรรดาสัตบุรุษกำลังขับเพลงสดุดีอยู่นั้นทำให้ภัทรารู้สึกสงบ
แต่เพียงชั่วครู่ภาพของหนูนากำลังขอให้เธอ
ยกโทษในความผิดพลาดของตนก็ผุดขึ้นมา

“...คุณแม่...หนูนา...ขอโทษ...”

ลูกสาววอนขออภัยในความดื้อรั้นของตนจนพาให้เกิดความพลาดพลั้ง
จากความสัมพันธ์ลับกับหนุ่มนักศึกษารุ่นพี่จนตั้งครรภ์
สำหรับภัทราแล้วมันคือการถูกหยามเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง
จากใครคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักและ
ยังเป็นการทรยศหักหลังของลูกสาวตนเองอีกด้วย

“ไอ้ผู้ชายสารเลวนั่น มันเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้
ฉันจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”

“ฉันไม่เข้าใจแกเลย แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”

สายตาที่เหม่อมองออกนอกหน้าต่างวัดของหญิงแปลกหน้าผู้นี้
เป็นที่สังเกตของคุณพ่อประทีปซึ่งกำลังยืนเทศน์
เวลาผ่านไปจนพิธีเสร็จสิ้น
และทุกคนแยกย้ายออกจากวัดกันหมดแล้ว
ภัทรายังคงนั่งนิ่งเหมือนไร้วิญญาณ
อยู่ในที่เดิม คุณพ่อซึ่งยืนร่ำลาสัตบุรุษคนสุดท้ายอยู่หน้าวัด
ได้แอบสำรวจสถานการณ์จากด้านหลังของภัทราด้วยความเป็นห่วง
ท่านตัดสินใจเดินเข้าไปหาเพื่อถามไถ่

“สวัสดีครับ ผมชื่อพ่อประทีป เป็นพ่อเจ้าวัดที่นี่
พ่อไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย มาเที่ยวแถวนี้หรือครับ?”


ภัทราตื่นจากภวังค์และหันหน้าแหงนมองคุณพ่อด้วยความงุนงง

“...สวัสดีค่ะคุณพ่อ... ดิฉัน... อ้อ ชื่อภัทราค่ะ
เอ่อ... บังเอิญขับรถมาน้ำมันหมดแถวนี้”


เจ้าอาวาสผู้ใส่ใจทุกข์สุขของลูกวัดคนนี้เดาว่าเธอคงมีปัญหามากกว่านั้น ...

“ถ้าแค่น้ำมันหมด เราก็คงจะช่วยกันได้ไม่ยากเลย... ใช่มั้ยครับ? ... เอ่อ”

คุณพ่อเลิกคิ้วขึ้นสูงและเผยริมปากเหมือนมีอะไรจะพูดต่อ
แต่กลับค้างอยู่อย่างนั้น ภัทราถอนใจยาวพร้อมกับก้มลง
มองพื้นกระเบื้องดินเผาวาววับแล้วนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
พระสงฆ์หนุ่มใหญ่ยิ่งมั่นใจว่าเธอต้องมีปัญหาหนักใจเกินบรรยาย

“ถ้าคุณภัทราไม่ได้รีบไปไหน พ่อขอเชิญคุณ
ร่วมแบ่งปันพระคัมภีร์กับพ่อได้ไหมครับ?”


ภัทราไม่แน่ใจว่าอะไรคือการแบ่งปันพระคัมภีร์ แต่สิ่งที่เธอแน่ใจคือ
พระสงฆ์องค์นี้กำลังพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเธอ

“ก็ได้ค่ะ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
ปกติดิฉันก็ไม่อ่านพระคัมภีร์เสียด้วย”

เจ้าอาวาสผู้กระตือรือล้นรีบใช้โอกาสอธิบายขั้นตอน

“โดยทั่วไปมีสี่ขั้นตอนดำเนินต่อเนื่องกันไป
แต่พ่อจะไม่อธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดตอนนี้ทีเดียว
เพราะคุณอาจไม่เข้าใจและรู้สึกว่ายาก
ขอให้เราแบ่งปันการรำพึงพระคัมภีร์ไปด้วยกันเลย
แล้วพ่อจะอธิบายแต่ละขั้นตอนไปพร้อม ๆ กัน
ในขั้นแรกนี้พ่อจะช่วยคุณหาพระวาจาบทที่น่าจะ
สอดคล้องกับสถานการณ์ชีวิตของคุณในช่วงเวลานี้
ที่ใกล้เคียงมากที่สุด...ดีไหมครับ?
ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกต้องการอ่านพระวาจาที่เกี่ยวกับเรื่องอะไรมากที่สุด”


ภัทราคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“ไม่ทราบว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการยกโทษให้ใครสักคนไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณพ่อนักอ่านนึกถึง
พระวรสารบทที่ 23 ข้อ 34
ของนักบุญลูกาในทันที ท่านจึงเปิดพระคัมภีร์ในบทดังกล่าว
และยื่นให้ภัทราอย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้นพ่อขอเสนอให้ใช้พระวรสารจากนักบุญลูกา
บทนี้ตั้งแต่ข้อ 33 ถึง 34 นะครับ ขอให้คุณอ่านออกเสียง
สองข้อนี้อย่างช้า ๆ อ่านอย่างรู้สึกสัมผัสถึงแต่ละคำที่ริมฝีปาก
ขณะเดียวกันพยายามจับสัมผัสที่อาจจะแผ่วเบามาก
ที่ออกมาจากแต่ละคำหรือประโยคที่คุณอ่านนั้น
และพ่อขอให้คุณอ่านทั้งหมดสักสองเที่ยว เข้าใจไหมครับ?”


มันฟังดูไม่ยากจนทำให้ภัทราพยักหน้ารับและ
เริ่มอ่านพระวรสารนั้นในทันใด เธอพยายามอ่านอย่างสำรวม
และตั้งใจสองเที่ยวตามที่เจ้าวัดผู้นี้ขอ
ในเที่ยวแรกภัทราไม่รู้สึกอะไรพิเศษเลยแต่ในเที่ยวสอง
สิ่งที่เธอรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจเมื่อเธออ่านถึงช่วงที่ว่า

“... พระเยซูเจ้าตรัสว่า ”พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด
เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”...”


ประโยคที่พระเยซูเจ้าตรัสนั้นดังสะท้อนไปมาในความคิด
โดยเธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด คุณพ่อเริ่มขั้นตอนที่สองต่อไปในทันที

“พ่อขอให้คุณเอาคำหรือประโยคที่รู้สึกสะกิดใจจากการอ่านสักครู่นี้
มาค่อย ๆ ทบทวนในความคิด ใช้เวลากับมันปล่อยให้มันมีปฎิสัมพันธ์
...กับความรู้สึกนึกคิดลึก ๆ ภายใน ...กับเหตุการณ์ที่คุณกำลังเกี่ยวข้อง
...กับความทรงจำและจินตนาการ และขอให้ช่วงเวลานี้เป็นเหมือน
การอัญเชิญพระเจ้าเข้ามาสู่การสนทนากับคุณ”


ภาพเหตุการณ์ที่เธอระเบิดอารมณ์ใส่หนูนาสว่างขึ้นในความทรงจำ
ภาพในจินตนาการของลูกสาวผู้อ่อนต่อโลกต้องทุกข์ทรมาน
จากการถูกทอดทิ้งให้ต้องเผชิญกับวิกฤติใหญ่หลวงของชีวิต
แต่เพียงลำพัง เธอยังจินตนาการถึงเหตุการณ์ของพระเยซูเจ้า
ที่ทรงเจ็บปวดทรมานบนไม้กางเขนขณะตรัสว่า

“พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด
เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”

ในที่สุดเธอเองกลับรู้สึกทรมานใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หัวใจของเธอร้องขอพระเจ้าได้โปรดช่วยเธอให้พ้นจากความทุกข์มหันต์นี้
ภัทราร้องไห้ออกมาโดยแทบไม่รู้ตัว พระสงฆ์นักปฏิบัติ
จึงเห็นควรดำเนินการในขั้นตอนต่อไปทันที

“พ่อไม่ทราบว่าพระองค์ได้บอกอะไรกับคุณบ้าง
หรือคุณมีอะไรจะพูดกับพระองค์ก็เชิญเถอะครับ
พ่อเชื่อว่าพระองค์ประทับอยู่ต่อหน้าคุณแล้วและทรงพร้อมรับฟัง”


ภัทราพรั่งพรูออกมาจากใจพร้อมน้ำตา

“พระเยซู ...พระองค์ไม่ได้โกรธคนที่ทำร้ายพระองค์เลย
ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญอะไรเลย
ไม่ได้รู้สึกว่าคนเลวพวกนี้ได้ทำร้ายพระองค์เลย
พระองค์กลับขอให้พระบิดายกโทษให้คนพวกนี้
พวกเขาได้ทำร้ายพระบิดา ไม่ใช่ตัวพระองค์
ขนาดพระเยซูยังไม่เห็นถึงความสำคัญของพระองค์เองเลย
ยังไม่ถือว่าพระองค์เป็นเจ้าของแม้แต่ร่างกายของตัวเอง
ทุกอย่างเป็นของพระบิดา ใครที่ทำร้ายพระองค์ก็ทำผิดต่อพระบิดา
ไม่ใช่ต่อพระองค์เอง ...เข้าใจแล้วพระเยซู ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด
ถือว่าตัวเองสำคัญที่สุด ลูกบังอาจถือสิทธิ์ครอบครองสิ่งต่าง ๆ
แม้แต่ลูกสาวก็เป็นของของลูก จริง ๆ แล้วลูกต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์
ไม่มีสิทธิ์เหนืออะไรเลยสักอย่างเดียว ทุกอย่างเป็นของพระบิดา
ถ้าหนูนาได้ทำผิดต่อพระองค์หรือทำให้พระองค์เสียใจ
ลูกต้องขอพระองค์โปรดยกโทษให้เธอด้วย
และลูกเองต้องขอพระองค์ได้โปรดยกโทษในความจองหอง
และเห็นแก่ตัวของลูกด้วย ขอพระเยซูช่วยลูกด้วย”


แม่ผู้ได้รับการเผยความหมายแท้จริงของ “การอภัย”
จากพระเจ้าก้มหน้านิ่งไปชั่วครู่ พ่อประทีปจึงเห็นว่า
ควรแก่เวลาที่จะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการพักพิงในอ้อมกอดของพระเจ้า
แต่จู่ ๆ ภัทราผงะตัวขึ้นด้วยความตกใจ

“คุณพ่อ ...ช่วยพาดิฉันไปหาลูกของดิฉันเดี๋ยวนี้ได้ไหม?
...ดิฉันสังหรณ์ใจว่าอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขี้นกับแก”


ทั้งสองรีบรุดไปขึ้นรถของคุณพ่อที่จอดอยู่ข้างวัดและ
เดินทางไปหาหนูนาด้วยความเร่งด่วน
กว่าหนึ่งชั่วโมงกับไฟสุมทรวงในที่สุดภัทราไปถึงหอพักนักศึกษา
ที่หนูนาอาศัยอยู่ หลังจากที่ได้วิ่งกระหืดกระหอบถึงประตูห้องพัก

และพบว่ามันถูกล๊อคไว้จากด้านใน

“งั้นเดี๋ยว! ...ผมจะพังเข้าไปเลยแล้วกัน”

คุณพ่อถีบประตูเข้าไปได้ สิ่งที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าภายในห้อง
ทำให้แม่ผู้กลับใจร้องเรียกลูกสาวเสียงหลง

“หนูนา ...ลูกแม่”


ลูกสาวคนเดียวของเธอนอนคว่ำหน้ากับพื้นห้องที่เกลื่อนไปด้วยเม็ดยา
และขวดเบียร์ ภัทราคว้าลูกสาวมากอดแนบอกแน่นและ
ตะโกนเรียกหนูนาอย่างไร้สติเพียงหวังให้เธอให้รู้ตัว
ในเวลาเดียวกันคุณพ่อประทีปเดินสำรวจดูพื้นห้องอย่างละเอียด
และเก็บเม็ดยาทั้งหมด

“คุณภัทรา! ...ผมว่าเธอยังไม่ได้ทานยาพวกนี้เข้าไปหรอก
ผมนับจำนวนแล้วเทียบกับปริมาณข้างขวดแล้ว ...ยังอยู่ครบครับ
แล้วดูเบียร์พวกนี้ ...ห้าขวดเกลี้ยงเลย ผมว่าเธอคงแค่เมาหลับไปมากกว่า”


ยังไม่ทันที่คุณพ่อนักวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จสิ้นบทสรุป
หนูนาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยอาการเมามายแต่ไม่วายที่จะตกใจ
เมื่อเห็นว่าใครกำลังกอดเธออยู่

“คุณแม่ ...หนูขอโทษ”


แม่ผู้เพิ่งเข้าใจความหมายแท้จริงของคำว่า “ความรัก”
มองหน้าลูกสาวอย่างเต็มตาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่หนูนาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

“แม่ไม่โกรธลูกแล้ว จริง ๆ แม่ผิดเองที่ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ
ลูกเมื่อลูกก้าวผิดพลาดในชีวิต ไม่ต้องขอโทษอะไรแม่อีกแล้วนะ
การให้อภัยเป็นสิทธิ์เฉพาะของพระเจ้าที่จะให้แก่มนุษย์
แม่ให้อภัยลูกไม่ได้หรอก เมื่อลูกคิดว่าตัวเองทำผิดและต้องการการอภัย
ขอจากพระเจ้านะ ส่วนแม่จะขออยู่ข้าง ๆ เพื่อช่วยลูกในทุก ๆ เรื่องนะจ้ะ”

 

โดย คุณรอหรรษ์

สถิติการเยี่ยมชม

10487366
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
1799
3833
8342
10448190
8342
124638
10487366
Your IP: 3.138.114.140
Server Time: 2024-12-03 03:25:22

แบบฟอร์ม

instagram

พระศาสนจักร


สื่อ YOUTUBE


Laudato si’

บทเรียนคำสอน





บทภาวนา

พิธีกรรมต่างๆ

เอกสารพระศาสนจักร

บทความคำสอน



KAMSONCHAN

 

   องค์กรคาทอลิก              คณะนักบวช  
 

สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม
แผนกคริสตศาสนธรรม
อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ศูนย์คริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
สังฆมณฑลจันทบุรี
คณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี
มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก พัทยา
คามิลเลียนโซเชียลเซนเตอร์ ระยอง

  สังฆมณฑลนครราชสีมา                       
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลนครราชสีมา
สังฆมณฑลอุบลราชธานี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลอุบลราชธานี   
สังฆมณฑลราชบุรี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลราชบุรี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลราชบุรี
สังฆมณฑลนครสวรรค์
สังฆมณฑลเชียงใหม่
  สังฆมณฑลสุราษฎ์ธานี
สังฆมณฑลอุดรธานี
ศูนย์คริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลอุดรธานี

สภาการศึกษาคาทอลิกประเทศไทย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.)
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อสุขภาพอนามัย
สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย (อุดมสาร)
  ชมรมอธิการิณีเจ้าคณะนักบวชแห่งประเทศไทย
คณะภคินีเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ต
คณะภคินีศรีชุมพาบาล       
คณะพระมหาไถ่แห่งประเทศไทย
คณะเซนต์คาเบรียล
คณะซาเลเซียน
คณะซาเลเซียน (ซิสเตอร์)
กางเขนแดงสาร

 



JSN Megazine template designed by JoomlaShine.com