จดหมายจากพระสันตะปาปาฟรังซิสถึงบรรดาพระสงฆ์เจ้าอาวาส
(Letter of His Holiness Pope Francis to Parish Priests)
พี่น้องสงฆ์ที่รัก,
การประชุมนานาชาติ “พระสงฆ์เจ้าอาวาสเพื่อการสมัชชา” และการเสวนากับทุกท่านที่เข้าร่วมการประชุม เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้อธิษฐานภาวนาเพื่อพระสงฆ์ทั่วโลก ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความรักใคร่อย่างยิ่ง
ฟังดูเกือบจะซ้ำซากอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นไม่ได้ทำให้เป็นจริงน้อยลง พระศาสนจักรไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หากปราศจากการอุทิศตนและงานอภิบาลของพวกคุณ ดังนั้น ก่อนอื่นใด ข้าพเจ้าอยากจะแสดงความขอบคุณ และความซาบซึ้งสำหรับงานอันมีน้ำใจที่พวกท่านทำในแต่ละวัน โดยการหว่านเมล็ดพันธ์แห่งพระวรสารลงในดินทุกชนิด (เทียบ มก 4:1-25)
ดังที่พวกท่านได้มีประสบการณ์ในช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันเหล่านี้ เขตวัดที่พวกท่านปฏิบัติพันธกิจนั้นแตกต่างกันไปอย่างมาก ตั้งแต่เขตชานเมืองใหญ่ ๆ – ตามที่ข้าพเจ้ารู้จักเป็นการส่วนตัวจากบัวโนสไอเรส – ไปจนถึงเขตที่มีขนาดเท่ากับจังหวัดอันกว้างใหญ่ มีตั้งแต่ใจกลางเมืองในหลายประเทศในยุโรป ซึ่งมีวัดโบราณเป็นชุมชนที่ลดน้อยลงและสูงวัย ไปจนถึงที่ที่มีการเฉลิมฉลองภายใต้กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ และเสียงนกร้องผสมกับเสียงของเด็กเล็ก ๆ
พระสงฆ์ประจำวัดตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เพราะพวกเขารู้จากภายในชีวิตของประชากรของพระเจ้าถึงความสุขและความยากลำบาก ทรัพยากร และความต้องการของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ พระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันจึงต้องการพระสงฆ์เจ้าอาวาส หากไม่มีพระสงฆ์เจ้าอาวาส เราจะไม่สามารถเรียนรู้วิธีการเดินร่วมกันและออกเดินทางบนเส้นทางแห่งการก้าวเดินไปด้วยกัน “เส้นทางที่พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังจากพระศาสนจักรแห่งสหัสวรรษที่สาม” นี้
เราจะไม่มีวันกลายเป็นพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันหรือธรรมทูต เว้นแต่ชุมชนวัดจะมีความโดดเด่นจากการแบ่งปันของผู้ที่รับศีลล้างบาปแล้วทุกคน ในหนึ่งพันธกิจของการประกาศพระวรสาร หากวัดไม่ได้ก้าวไปด้วยกันหรือเป็นธรรมทูต พระศาสนจักรก็จะไม่เป็นเช่นนั้นเช่นกัน
รายงานการสังเคราะห์ของการประชุมสมัชชาสมัยสามัญ ครั้งที่ 16 (Synthesis Report) ของสมัชชาบิชอปสากลมีความชัดเจนมากในเรื่องนี้ วัดต่าง ๆ เริ่มต้นด้วยโครงสร้างและการบริหารจัดการภายในวัด เรียกร้องให้ทบทวนตัวเอง “โดยพื้นฐานแล้วเป็นการรับใช้พันธกิจของบรรดาผู้ที่มีความเชื่อเพื่อการออกไปปฏิบัติในสังคม ในชีวิตครอบครัว และในที่ทำงาน โดยไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ตัวกิจกรรมหรือความต้องการขององค์กรเท่านั้น” (SR 8.1)
ชุมชนวัดจำเป็นต้องกลายเป็นสถานที่ที่ผู้รับศีลล้างบาปมาออกเดินทางเป็นศิษย์ธรรมทูตมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขากลับมาด้วยความยินดี เพื่อที่จะแบ่งปันสิ่งมหัศจรรย์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำผ่านการเป็นพยานของพวกเขา (เทียบ ลก 10:17)
ในฐานะผู้อภิบาล เราถูกเรียกให้ร่วมในกระบวนการนี้กับชุมชนที่เรารับใช้ และในขณะเดียวกันก็อุทิศตนด้วยการอธิษฐานภาวนา การใช้วิจารณญาณ และความกระตือรือร้นในการประกาศพระวรสาร เพื่อให้แน่ใจว่าพันธกิจของเราเหมาะสมกับความต้องการของพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันและเป็นธรรมทูต ความท้าทายนี้ตั้งไว้ต่อหน้าพระสันตปาปา พระสังฆราช และคูเรียโรมัน และตั้งไว้ต่อหน้าท่านทั้งหลายในฐานะพระสงฆ์ด้วย
พระเจ้าผู้ทรงเรียกและประทานศีลบวชให้กับเรา วันนี้พระองค์ขอให้เราฟังสุรเสียงของพระจิตของพระองค์ และก้าวหน้าไปในทิศทางที่พระองค์ชี้ให้เราทราบ สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจได้ก็คือ พระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งเราโดยปราศจากพระหรรษทานของพระองค์ ระหว่างทาง เราจะค้นพบวิธีปลดปล่อยพันธกิจของเราให้เป็นอิสระจากสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกแย่ และค้นพบแก่นแท้ของพันธกิจที่แท้จริงที่สุดอีกครั้ง การประกาศพระวาจาของพระเจ้า และการรวมตัวของชุมชนเพื่อการบิปัง
ดังนั้น ข้าพเจ้าขอแนะนำให้พวกท่าน ยอมรับการทรงเรียกของพระเจ้าให้เป็นพระสงฆ์ เป็นผู้สร้างพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันและเป็นธรรมทูต และอุทิศตนอย่างกระตือรือร้นเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากจะเสนอข้อเสนอแนะ 3 ประการที่สามารถช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตและกิจกรรมของท่านในฐานะผู้อภิบาล
1. ส่งเสริมพระพรอันหลากหลายของบรรดาสัตบุรุษ ในพันธกิจการประกาศพระวรสารตามสถานการณ์และบริบทชีวิตแต่ละคน
ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอให้คุณดำเนินชีวิตตามพระพรของการเป็นศาสนบริการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ ในการรับใช้ของพระพรอันหลากหลาย ที่พระจิตเจ้าทรงหว่านในประชากรของพระเจ้า เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะ “ค้นพบด้วยความเชื่อถึงความหลากหลายและความแตกต่างกันของพระพรในบรรดาสัตบุรุษ ซึ่งทำให้พวกเขาสุภาพหรือชื่นชมยินดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการประกาศพระวรสารตามสถานการณ์และบริบทของชีวิต
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าด้วยวิธีนี้ คุณจะเปิดเผยขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่มากมาย และรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงในงานประกาศพระวรสารที่เรียกร้องมาก คุณจะได้สัมผัสกับความสุขของการเป็นบิดาที่แท้จริง ผู้ไม่ครอบงำผู้อื่น แต่ดึงเอาโอกาสอันยิ่งใหญ่และล้ำค่าในตัวพวกเขาออกมา ทั้งชายและหญิง
2. ใช้วิจารณญาณเพื่องานอภิบาลทางด้านจิตวิญญาณในชุมชน
ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านเรียนรู้ ที่จะฝึกฝนศิลปะแห่งการวิจารณญาณในชุมชน โดยใช้วิธีการ “สนทนาในพระจิตเจ้า” เพื่อจุดประสงค์นี้ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์มากในกระบวนและความก้าวหน้าของการก้าวเดินไปด้วยกันในสมัชชา ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจะเก็บเกี่ยวผลดีมากมายจากสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่ในโครงสร้างของความเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่น สภาอภิบาล และโครงสร้างอื่น ๆ เช่นเดียวกัน (SR 2.1)
ดังที่รายงานสรุปการสังเคราะห์ระบุไว้อย่างชัดเจน การมีวิจารณญาณเป็นองค์ประกอบสำคัญในกิจกรรมอภิบาลของพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกัน “เป็นสิ่งสำคัญที่การฝึกวิจารณญาณจะต้องใช้ในสถานที่อภิบาลด้วย ในลักษณะที่ปรับให้เข้ากับบริบทที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะส่องสว่าง ความเป็นรูปธรรมของชีวิตพระศาสนจักร สิ่งนี้จะช่วยให้รับรู้ถึงความสามารถพิเศษที่มีอยู่ในชุมชนได้ดีขึ้น เพื่อกระจายความรับผิดชอบและพันธกิจที่แตกต่างกันอย่างชาญฉลาด และเพื่อวางแผนโครงการอภิบาลต่าง ๆ ที่เน้นด้านจิตวิญญาณมากกว่าเพียงแค่การทำกิจกรรมในตัวเองเท่านั้น
3. ดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนพี่น้องสงฆ์
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องให้คุณ ทำทุกสิ่งที่ด้วยจิตวิญญาณของการแบ่งปันและความเป็นพี่น้องกันระหว่างตัวคุณเองและกับพระสังฆราชของคุณ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแข็งขันจากการประชุมนานาชาติเพื่อการอบรมพระสงฆ์อย่างยั่งยืน ในหัวข้อ “พัดของประทานจากพระเจ้าในตัวคุณให้ลุกขึ้นเป็นไฟ” (2 ทธ 1:6) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 ที่กรุงโรม โดยมีพระสังฆราช พระสงฆ์ ฆราวาสและนักบวชชายและหญิงมากกว่า 800 คน มีส่วนร่วมและเป็นตัวแทนของ 18 ประเทศ
เราไม่สามารถเป็นบิดาที่แท้จริงได้ เว้นแต่เราจะเป็นบุตรชายและพี่น้องคนแรก และเราไม่สามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการมีส่วนร่วมในชุมชนที่ได้รับความไว้วางใจให้เราดูแล เว้นเสียแต่ว่า เหนือสิ่งอื่นใด เราจะดำเนินชีวิตตามความเป็นจริงเหล่านั้นท่ามกลางพวกเราเอง ข้าพเจ้าทราบดีว่า ท่ามกลางการเรียกร้องความรับผิดชอบด้านอภิบาลของเราอย่างต่อเนื่อง คำมั่นสัญญานี้อาจดูเหมือนเป็นภาระ แม้จะเป็นการเสียเวลา แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามคือความจริง จริง ๆ แล้ว ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะน่าเชื่อถือ และกิจกรรมของเราจะไม่ทำให้สิ่งที่คนอื่นรวบรวมไว้แล้วกระจัดกระจายไป
ไม่เพียงแต่พระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันและเป็นธรรมทูตเท่านั้นที่ต้องการพระสงฆ์เจ้าอาวาส แต่ยังรวมถึงกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ของสมัชชาปี 2021-2024 “เพื่อพระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกัน ในความเป็นหนึ่งเดียว การมีส่วนร่วม และพันธกิจ” ในขณะที่เรารอคอยการประชุมสมัยที่สองของการทำสมัชชาสมัยสามัญครั้งที่ 16 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2024 ที่จะถึงนี้ เพื่อการเตรียมพร้อม เราต้องได้ยินเสียงของคุณ
ด้วยเหตุผลนี้ ข้าพเจ้าจึงขอเชิญผู้ที่มีส่วนร่วมในการประชุมนานาชาติ "พระสงฆ์เจ้าอาวาสเพื่อการสมัชชา" มาเป็นธรรมทูตแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่พวกท่านเอง และเมื่อท่านกลับบ้านแล้ว ร่วมกับเพื่อนพระสงฆ์ในเขตวัดของท่าน ข้าพเจ้าขอให้ท่านส่งเสริมการไตร่ตรองด้วยความคิดของการก้าวเดินไปด้วยกันและการเป็นธรรมทูต เกี่ยวกับการรื้อฟื้นพันธกิจของพระสงฆ์ และช่วยให้สำนักเลขาธิการสมัชชาสากล รวบรวมผลงานที่โดดเด่นของท่าน เพื่อเตรียมเอกสารประกอบการสมัชชา (Instrumentum Laboris) จุดประสงค์ของการประชุมนานาชาติครั้งนี้คือการฟังเสียงของพระสงฆ์เจ้าอาวาส แต่ไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ในวันนี้ เราต้องฟังจากคุณต่อไป
พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างท่านในกระบวนการนี้ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็มีส่วนร่วมด้วย ข้าพเจ้าขออวยพรพวกคุณทุกคนจากใจ และในทางกลับกัน ข้าพเจ้าต้องการความรู้สึกถึงความใกล้ชิดของพวกคุณและการสนับสนุนจากคำอธิษฐานภาวนาของพวกคุณ ให้เราฝากตัวไว้กับพระนางมารีย์ แห่งโฮเดเจเทรีย พระแม่แห่งหนทาง (Blessed Virgin Mary Hodegetria, Our Lady of the Way) ขอให้พระนางแสดงให้เราได้เห็นหนทาง ขอให้พระนางนำเราไปหาพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นหนทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต
ณ พระมหาวิหารนักบุญยอห์นแห่งลาเตรัน กรุงโรม เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2024
https://www.vatican.va/content/francesco/en/letters/2024/documents/20240502-lettera-parroci.html