#จงกล้าหาญและประกาศความชื่มชมยินดีแห่งปัสกา (Be courageous and proclaim the joy of Easter!)
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำสวดบทราชินีสวรรค์ (แทนบททูตสวรรค์แจ้งข่าวในเทศกาลปัสกา) ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน และเทศน์สอนจากพระวรสารวันอาทิตย์ปัสกาเกี่ยวกับบรรดาสตรีที่ไปยังอุโมงค์ฝังพระศพพระเยซูเจ้า มีบทเรียนอยู่ 2 ประการ คือ
1. #อย่ากลัวเลย (Do not be afraid)
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงให้ความมั่นใจกับบรรดาสตรีก่อนว่า “อย่ากลัวเลย” (มธ 28:5) จากคำพูดนี้ทำให้เราระลึกว่า ความกลัวได้ทำให้เรากลายเป็นอัมพาตได้อย่างไร แม้กระทั่งความตาย ความป่วย หรือความทุกข์ยากของชีวิต
จะมีใครที่ดีไปกว่าพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพที่บอกกับเราว่า “อย่ากลัวเลย” พระเยซูเจ้าเชื้อเชิญเราให้ออกจากหลุมศพแห่งความหลาดกลัว ความกลัวนี้มักจะอยู่ที่ซุ้มของประตูหัวใจอยู่เสมอ แต่พระเยซูเจ้าทำให้เรารู้ว่า พระองค์ทรงมีประสบการณ์กับความกลัว การเอาชนะความตาย และเดินเคียงข้างเราอยู่เสมอ “อย่ากลัวเลย” จงออกมาจากหลุมศพหรืออุโมงค์แห่งความหวาดกลัว เพราะความกลัวเป็นเหมือนกับหลุมศพ ที่คอยฝังเรา
2. #ไปและประกาศให้กับผู้อื่น (Go and tell others)
พระเยซูเจ้าบอกกับบรรดาสตรีที่อุโมงค์ฝังพระศพของพระองค์ว่า “จงไปแจ้งข่าวแก่พี่น้องของเราให้ไปยังแค้นกาลิลี เขาจะพบเราที่นั่น” (มธ 28:10) เราด้วยเช่นเดียวกันที่ถูกเชื้อเชิญให้ไปและประกาศแก่ผู้อื่น เกี่ยวกับความชื่นชมยินดีอย่างท่วมท้นของการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เป็นความหวังสำหรับเราทุกคน เราอาจจะคิดว่าการไปและประกาศข่าวดีนี้ จะต้องอาศัยทักษะ หรือความสามารถพิเศษ หาใช่เป็นเช่นนั้น บรรดาสตรีในพระวรสารได้ทำในสิ่งที่เรียบง่าย
เราควรจะได้ยินคำเชื้อเชิญของพระเป็นเจ้า ออกไปโดยปราศจากความสงสัย ก้าวไปข้างหน้า และประกาศความชื่นชมยินดีที่ไม่สามารถที่จะเก็บเอาไว้คนเดียวได้ และกลับถูกเพิ่มทวีให้มากยิ่งขึ้นเมื่อเราได้แบ่งปันมันออกไป ถ้าเราเปิดใจของเรา และยอมรับข่าวดีแห่งพระวรสาร หัวใจของเราจะเปิดออกและเอาชนะความหวาดกลัว
#ความท้าทายของการประกาศข่าวดีแบบหลอกลวง (Challenging counter-proclamation)
ให้เราระมัดระวังความจอมปลอมที่อาจเกิดขึ้นได้ และเป็นอุปสรรคต่อการประกาศและแบ่งปันพระวรสาร ดังเช่นบรรดาทหารที่ยอมรับเงินก้อนใหญ่จากบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อกล่าวความเท็จว่า “บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้ามาขโมยพระศพของพระองค์ไปในเวลากลางคืน ขณะที่พวกเขากำลังหลับอยู่” (มธ 28:13) แบบนี้เรียกว่า การประกาศข่าวดีแบบหลอกลวง ซึ่งมาจากอำนาจและการนมัสการของเงินตรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระวรสาร
การโกหก หรือการต่อต้านความจริง เป็นสิ่งท้าทายสำหรับเรา สามารถนำเรากลับเข้าไปสู่อุโมงค์ฝังศพได้อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่พระเยซูเจ้าต้องการให้เราออกมาจากอุโมงค์แห่งความหลอกลวง และการเป็นทาส เช่นเดียวกับในทุกวันนี้ เราอาจจะกลายเป็นที่สะดุด จากคำพูดเท็จของคนบางคน หรือจากสังคม
เราต้องมองเข้าไปในตัวเรา แสวงหาสิ่งที่เราปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้ และยอมให้แสงสว่างของพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพขับไล่ความมืดในจิตใจของเราให้ออกไป พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็น "พยานที่ชัดเจนและส่องสว่างถึงความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" และ "ความจริงที่จะทำให้ท่านเป็นอิสระ"
ขอพระแม่มารีย์ได้ช่วยเราให้เอาชนะความหวาดกลัว และทำให้เรารักในความจริง ...