พระศาสนจักรเป็นดังคาราวานแห่งความเป็นพี่น้องในการเดินทางร่วมกัน (The Church is a ‘caravan of brothers’ on a journey)
เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพบปะกับตัวแทนพระสงฆ์และนักพรตหนุ่มจากพระศาสนจักรออโตเซฟาลัสตะวันออก (Oriental Autocephalous Churches) ทรงนำไตร่ตรองถึงวันสมโภชพระจิตเจ้า และพระพรของพระจิตเจ้าที่บันดาลให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นข้อคิด 4 ประการ คือ
1. ผลงานของพระจิตเจ้า (Working of the Holy Spirit)
ความเป็นหนึ่งเดียวเป็นพระหรรษทานจากองค์พระจิตเจ้า เป็นไฟที่ลงมาจากเบื้องบน มิใช่เป็นผลมาจากความพยายามของพวกเรา หรือเป็นข้อตกลงร่วมกัน แต่เป็นผลงานของพระจิตเจ้า อาศัยการเปิดใจของเราเพื่อที่จะเชื่อ เพื่อพระองค์จะได้ทรงนำทางเราไปสู่หนทางแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
2. ความเข้ากันได้อย่างลงตัว (Harmony)
วันสมโภชพระจิตเจ้าสอนเราเรื่อง ความเป็นหนึ่งเดียวกันในความหลากหลาย (unity is harmony) จากพระพรต่าง ๆ ที่เราแต่ละคนได้รับมาจากพระจิตเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ เป็นหนทางของพระจิตเจ้า ดังที่นักบุญบาซิลได้กล่าวไว้ว่า พระจิตเจ้าคือความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเข้ากันได้ ความผสมกลมกลืนในความแตกต่างกันหลากหลาย (he is harmony)
3. การก้าวไปข้างหน้า (Moving forward)
ความเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นการเดินทางร่วมกัน เป็นการก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องการวางแผนการทำงาน หรือคิดโครงการต่าง ๆ อยู่บนโต๊ะ ไม่ใช่การหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่เป็นการก้าวไปข้างหน้าด้วยแรงผลักดันที่มาจากพระจิตเจ้า เช่นเดียวกับที่ได้ผลักดันบรรดาศิษย์ได้ออกไปประกาศข่าวดีจนสุดปลายแผ่นดินโลก
พระจิตเจ้าทรงอยู่ร่วมในการเดินทาง พระพรของพระองค์จะเพิ่มทวีมากยิ่งขึ้น เมื่อเราได้แบ่งปันพระพรให้แก่กันและกัน และก้าวออกเดินทางไปข้างหน้าร่วมกัน แม้ในการเผชิญหน้ากับความสำเร็จและความล้มเหลว พบกับสิ่งที่เราคาดหวัง และไม่ได้คาดหวังมาก่อน ดังเช่นนักบุญอีเรเนอุสได้กล่าวไว้ว่า “พระศาสนจักรคือคาราวานแห่งความเป็นพี่น้องกัน”
ในคาราวานนี้ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวกันเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ แม้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใดแบบอัศจรรย์ แต่ค่อยเป็นค่อยไปด้วยความพากเพียรพยายามและความอดทน เมื่อได้ออกเดินทางไปร่วมกัน
4. ความเป็นหนึ่งเดียวกันและพันธกิจ (Unity and mission)
ความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้มีไว้สำหรับพันธกิจที่เรากระทำ ดังเช่นพระศาสนจักรได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา และบรรดาศิษย์ได้ออกไปประกาศข่าวดี เช่นเดียวกับในทุกวันนี้ โลกของเราก็กำลังรอคอยอยู่ข่าวสารแห่งความรักนี้อยู่ เป็นข่าวดีแห่งอิสระเสรีภาพและสันติสุข เป็นข่าวดีที่เราถูกเรียกมาเพื่อประกาศไปสู่เพื่อนพี่น้องแต่ละคน ไม่ใช่เพื่อต่อต้านกันและกัน หรือแบ่งส่วนกันทำจากคนอื่น ๆ ซึ่งจากอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน หลายคนได้ยอมหลั่งเลือด (การเป็นมรณสักขี) เพื่อเป็นพยานยืนยันถึงเรื่องนี้
ขอบคุณสำหรับเมล็ดพันธ์แห่งความรักและความหวัง ที่พวกคุณได้หว่านในพระนามของพระเยซูเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนพระชนมชีพ ในทุก ๆ ที่อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นที่น่าเศร้าใจ ที่หลายครั้งความรุนแรงและความขัดแย้งได้ถูกหลงลืมไป ...