#พระพรของแต่ละคณะนักบวชมีไว้เพื่อพระศาสนจักร (Charisms are for the edification of the Church)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2022 พระสันตะปาปาฟรงซิสทรงต้อนรับตัวแทนของคณะนักบวช 3 คณะ โอกาสสมัชชาใหญ่ของคณะ คือ
1) คณะมารดาพระเจ้า (the Order of the Mother of God),
2) คณะนักบุญโยซาฟัตแห่งประเทศบราซิล (the Basilian Order of St. Josaphat), และ
3) คณะพันธกิจ (the Congregation of the Mission)
พระองค์ทรงชื่นชมการเป็นประจักษ์พยานชีวิตของนักบวชคณะต่าง ๆ เหล่านี้ ตลอดจนการทำงานอภิบาลของพวกเขา และยินดีที่จะมาพบปะกับพวกเขา เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน ซึ่งพวกเขาเป็นส่วนสำคัญของพระศาสนจักร แม้ว่าพระองค์จะทรงงานน้อยลงตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านา อันเนื่องมาจากสุขภาพ (หัวเข่า) ของพระองค์
#การกลับมาพบกันอีกครั้ง (A reunion of presence)
การทำสมัชชาของแต่ละคณะ เป็นการกลับมาพบปปะกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากห่างหายไปช่วงการแพร่ระบาด เป็นช่วงเวลาที่จะกลับมาพบปะกัน สวดภาวนาร่วมกัน รับฟังพระวาจาของพระเจ้า และการรับศีลมหาสนิทด้วยกัน ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีให้กับสมาชิกของคณะชุดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งด้วย
#ช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรองของหมู่คณะ (A time of community discernment)
อาศัยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า จะทำให้แต่ละคณะได้ทบทวนพระพรพิเศษของตน การทำให้ก้าวไปข้างหน้า และการฟังสิ่งที่พระจิตเจ้าต้องการให้เปลี่ยนแปลง นี่คืออัตลักษณ์ของความเป็นพระศาสนจักรคาทอลิก เช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกที่ได้ร่วมชุมนุมกัน ซึ่งถูกเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสำหรับพระศาสนจักรในปัจจุบันและในโลกนี้ด้วย
#การประกาศข่าวดี (Evangelization)
แต่ละคณะจำเป็นจะต้องซื่อสัตย์ต่อพระพรพิเศษของคณะ โดยประยุกต์ให้เข้ากับการประกาศข่าวดีในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหา วิธีการ เครืองมือ และรูปแบบการดำเนินชีวิต เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประจักษ์พยานชีวิตและการประกาศพระวรสาร
พระพรที่แต่ละคณะมี แม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็เพื่อความดีงามหนึ่งเดียวในพระศาสนจักร โดยที่พระศาสนจักรไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่ตนเอง (ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง) แต่มีอยู่เพื่อประกาศข่าวดี อาศัยพระพรที่แต่ละคนได้รับ ซึ่งจะต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน และนี่คือสิ่งที่จะต้องจดจำไว้เสมอมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน โดยอย่าลืมสิ่งที่จะต้องมีอยู่คู่กันเสมือ นั่นก็คือ การทำงานและการสวดภาวนาร่วมกัน
#ชีวิตหมู่คณะ (Community life)
การเป็นนักบวช ไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อการประกาศข่าวดีในระดับบุคคล เฉกเช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปแล้วทั่วไปเท่านั้น แต่ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ความเป็นพี่น้อง เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องการการกลับใจในชีวิตประจำวัน ต้องระมัดระวังความเข้มมงวดหรือความสบายที่มากเกินไป ต้องการความสุภาพและเรียบง่ายทางด้านจิตใจ สิ่งเหล่านี้เราต้องวิงวอนขอจากพระเจ้าอยู่เสมอ และต้องอาศัยความมุ่งมั่นของแต่ละคน
เช่นเดียวกับวงออเคสตราที่บรรเลงเพลงบทเดียวกัน ด้วยเครื่องดนตรีอันหลากหลาย มิใช่ดำเนินชีวิตอยู่คนเดียวโดยที่ไม่สนใจผู้อื่น แต่เป็นความสามารถที่จะฟังทุก ๆ คน เพื่อที่จะดำเนินชีวิตร่วมกับคนอื่นได้อย่างดี
ชีวิตหมู่คณะจะนำความสุขมาให้กับเรา เป็นความชื่นชมยินดีในการเป็นส่วนหนึ่งของพระเยซูเจ้า และเป็นของกันและกัน แม้กระทั่งความจำกัดและบาปของแต่ละคน การได้รับการอภัยจากพระเจ้าและจากพี่น้องแต่ละคน ความสุขแบบนี้ไม่สามารถที่จะซ่อนเอาไว้ได้ มันจะฉายแสงออกมา และส่งต่อไปยังผู้อื่น
นี่คือความสุขของบรรดานักบุญหรือของบรรดาผู้ก่อตั้งคณะนักบวช พวกเขาไม่ได้ก่อตั้งคณะมาตั้งแต่กำเนิด แต่เพราะเกิดขึ้นจากการดึงดูดใจที่พวกเขามีต่อพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงดึงดูดใจชายหรือหญิงคนนั้น (ผู้ก่อตั้งคณะ) มาที่พระองค์ก่อน แล้วจึงทรงช่วยให้พวกเขาดึงดูดผู้อื่นมาหาพระองค์ ดังนั้น บรรดาผู้ก่อตั้งคณะไม่ได้ดึงดูดผู้คนให้มาสนใจที่พวกเขา แต่ให้ไปหายังพระเจ้า
#จงอย่านินทาซึ่งกันและกัน (Against gossiping)
การนินทาเป็นการทำลายความสุขในชีวิตหมู่คณะ และยังทำลายตัวผู้ที่นินทาอีกด้วย ผู้ที่มีความขุ่นเคืองใจกับใคร ควรไปหาคนนั้นแล้วพูดกับเขาตรง ๆ หากทำไม่ได้ให้ไปหาผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้...