#ข้าพเจ้าออกจากแคนาดาด้วยกำลังใจอย่างมากมายที่ได้รับจากคนพื้นเมือง (I leave Canada greatly enriched by indigenous peoples)
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2022 หลังจากขึ้นเครื่องบินออกจากเมืองอิคาลูท (Iqaluit) ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดาแล้ว พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเมืองบิวเบค (Quebec) เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินสำหรับการเดินทางกลับประเทศอิตาลี หลังเสร็จสิ้นภารกิจของพระองค์ในครั้งนี้ ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 7 ชั่งโมง
พระองค์ทรงพบปะกับตัวแทนคนพื้นเมืองชาวแคนาดาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงความซาบซึ้งใจที่ได้รับตลอดการเดินทางมาที่แคนาดา โดยหวังว่าชาวพื้นเมืองแคนาดาจะรับการขอโทษและความปรารถนาดีจากพระองค์ ซึ่งแสดงออกผ่านทางการกระทำ ใบหน้า รอยยิ้ม และคำพูดต่าง ๆ ที่ออกมาจากความจริงใจของพระองค์
สำหรับพระองค์แล้ว การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์อันสวยงามและยิ่งใหญ่ ที่ไม่สามารถจะลบเลือนได้ จากเรื่องราวต่าง ๆ ความงดงามทางธรรมชาติ เสียงเพลงที่ไพเราะ สีสันต่าง ๆ (ของเครื่องแต่งกาย) ตลอดจนอารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ที่สัมผัสในส่วนลึกจากจิตใจของพระองค์
#บาดแผลจากการกระทำที่ผิดพลาด (Pain for wrong inflicted)
การเดินทางมาแคนาดาในครั้งนี้ เช่นเดียวกับเพื่อนที่ต้องมาเห็นหน้ากัน เพื่อที่จะรับฟัง และดูว่าพวกคุณมีชีวิตอย่างไรในผืนดินอันนี้ พร้อมกับผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้นจากการที่พระศาสนจักรคาทอลิกในแคนาดาได้ทำมานานหลายปีที่ผ่านมา
พระองค์ทรงเดินทางมาด้วยหัวใจที่สำนึกผิด ต้องการที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจสำหรับการกระทำที่ได้ทำผิดพลาดต่อพวกคุณในอดีต จากสมาชิกบางคนของพระศาสนจักรที่ได้กดขี่ข่มเหงและกระทำผิดความยุติธรรมต่อชาวพื้นเมืองแคนาดาเหล่านั้น
พระองค์ทรงหวังว่า การเดินทางมาในครั้งนี้จะช่วยทำให้เกิดการแสวงหาความจริงมากยิ่งขึ้น (ถึงแนวทางที่ควรปฏิบัติกับคนพื้นเมืองที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด) เพื่อที่จะช่วยเยียวยารักษาและสร้างการคืนดีระหว่างกันและกัน ขณะเดียวกันก็เป็นการหว่านเมล็ดพันธ์แห่งความหวังให้เกิดขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่อีกด้วย
#ด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่ (Greatly enriched)
พระองค์ทรงตรัสอย่างเปิดเผยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ พระองค์ทรงรู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับชาวพื้นเมือง และความรู้สึกเช่นนี้เอง พระองค์ทรงรู้สึกเป็นเกียรติ ทำให้พระองค์ทรงเดินทางกลับไปยังกรุงโรมด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่
การเฉลิมฉลองนักบุญอันนาถือเป็นหัวใจของการเดินทางมาในครั้งนี้ เตือนใจให้เราระลึกถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างคนหนุ่มสาวและบรรดาผู้สูงอายุ เป็นความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและประสานกลมกลืนกันระหว่างสิ่งสร้างต่าง ๆ ของพระเจ้า
#สานต่อการคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง (Weave anew reconciliation)
พระองค์ทรงกล่าวให้กำลังใจชาวแคนาดาทุกคน ทั้งที่เป็นคนพื้นเมืองและไม่ใช่คนพื้นเมือง ให้ตระหนึกถึงการระลึกถึงสตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 คน ได้แก่
1. นักบุญอันนา แบบอย่างแห่งความสุภาพอ่อนโยนและการปกป้อง
2. พระนางมารีย์ ผู้ทรงเป็นผู้นำทางและชี้ทางการแสวงบุญของเราในโลกนี้ไปยังเมืองสวรรค์ และ
3. นักบุญนักบุญคาเทรี เตกกะวิตา (St. Kateri Tekakwitha) แบบอย่างแห่งผู้ที่อุทิศตนในการสวดภาวนาและการทำงาน พร้อมกับความอดทนอดกลั้นกับการทดลองต่าง ๆ ด้วยด้วยความอดทนและสุภาพ
บรรดาสตรีเหล่านี้เป็นแบบอย่างให้กับเรา ที่จะถักทอการคืนดีให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ที่จะช่วยหยิบยกสิทธิของบุคคลชายขอบที่อยู่ท่ามกลางเรา ให้เรามองกลับไปยังประวัติศาสตร์โดยปราศจากความขุ่นเคืองใจหรือการไม่ยอมให้อภัยต่อกัน
#การเดินทางเพื่อมุ่งไปสู่การรักษา (Journey toward healing)
ขอให้ชาวแคนาดาได้สานฝันของพระเจ้าที่ได้หว่านเอาไว้ในหัวใจของพวกเขา ด้วยความสุภาพอ่อนโยนและความมุ่งมั่นที่จะเดินรอยตามบรรดาสตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้
ขอให้พวกท่าน (สตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้) ได้อวยพรการเดินทางของพวกเราไปสู่ชายฝั่งใหม่ และวิงวอนขอพระเป็นเจ้าเพื่อพวกเราสำหรับภารกิจอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ จะได้รับการเยียวยารักษา และคืนดีระหว่างกัน ซึ่งจะนำมาซึ่งความยินดีสำหรับพระเจ้าเสมอไป ...