#ขอให้พระศาสนจักรในโลกนี้เป็นผู้ประกาศข่าวดีอยู่เสมอ (May Church in world be 'permanently in a state of mission’)
เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2022 ณ หอประชุมเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปาทรงพบปะผู้แสงบุญกว่า 1,500 คน จากสังฆมณฑลอเลสซานดร้าและสโปเลโต้ นอร์เซีย ประเทศอิตาลี (the Italian dioceses of Alessandria and Spoleto-Norcia) ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่กำลังเตรียมตัวรับศีลกำลังด้วย
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเทศน์สอนถึงความสำคัญของศีลมหาสนิทในชีวิตคริสตชน: ความสำคัญของการกลับใจด้านงานอภิบาลและการแพร่ธรรม พระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกันจำเป็นที่จะต้องเติบโตในความรักฉันพี่น้อง และเรียกร้องให้แต่ละคนเป็นประจักษ์พยานถึงองค์พระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวัน
#นักบุญพระสันตะปาปาปีโอที่5นักปฏิรูปพระศาสนจักร (St. Pius V, Church reformer)
โอกาส 450 ปี แห่งมรณกรรมของนักบุญพระสันตะปาปาปีโอที่ 5 ทรงเป็นนักปฏิรูปพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้พิธีกรรมสอดคล้องกับชีวิตของพระศาสนจักร และชีวิตของคริสตชนทุกคน จากนั้นอีกประมาณ 400 ปี พระศาสนจักรได้ทำการปฏิรูปพิธีกรรมครั้งใหญ่ในสังคายนาวาติกันที่ 2 และมีผลมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ หัวใจสำคัญที่สุดก็คือ การทำให้พิธีบูชาขอบพระคุณกลายเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและชุมชนแห่งความเชื่อ
เราต้องปฏิรูปพระศาสนจักรเสมอ เพราะสถานการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาและรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อ ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของพระศาสนจักร
พวกเราต้องแสวงหาความจริง ความจริงนี้เราสามารถพบได้ในองค์พระเยซูเจ้า ทั้งในระดับพระศาสนจักรสากล พระศาสนจักรท้องถิ่น และระดับส่วนตัวแต่ละคน เมื่อเราพบความจริงในองค์พระเยซูเจ้า เราจะต้องทำให้พระองค์ปรากฏอยู่ทุกแห่งหนในโลกนี้
การฟังพระวาจาของพระเจ้าทำให้เราได้รู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น ชีวิตชุมชนแห่งความเชื่อจะต้องถูกถักทอด้วยพันธสัญญาแห่งความรักและการแบ่งปัน พระวาจาของพระองค์จะมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เมื่อเรามาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
#การภาวนาช่วยผลักดันพันธกิจของพระศาสนจักร (Prayer helping Church's mission)
พิธีกรรมจะช่วยเปลี่ยนแปลงพวกเรา ให้มีส่วนร่วมในชีวิตของพระเยซูเจ้า และให้เราเป็นประจักษ์พยานต่อผู้อื่น นักบุญพระสันตะปาปาปีโอที่ 5 ส่งเสริมด้านพิธีกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสวดสายประคำ
จากหนังสือกิจการอัครสาวกทำให้เราเห็นภาพพระศาสนจักรเป็นดังการเดินทาง เป็นพระศาสนจักรที่มีพลัง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการสวดภาวนา ซึ่งปรากฏเด่นชัดในชีวิตของบรรดาคริสตชนแรกเริ่ม ที่พวกเขามาร่วมชุมนุมกันเพื่ออธิษฐานภาวนา อ่านพระวาจา ระลึกถึงวีรกรรมของบรรดาอัครสาวกและศิษย์คนอื่น ๆ ทำพิธีบิขนมปัง และขอบพระคุณพระเจ้าพร้อมกัน รวมถึงการแบ่งปันให้กับคนยากจน จนกระทั่งในบรรดาพวกเขาไม่มีใครเลยที่ขัดสน
#ศีลล้างบาปและศีลกำลัง (Baptism and Confirmation)
ศีลกำลังเป็นดั้งเช่นการเดินทาง เช่นเดียวกับประสบการณ์ของบรรดาอัครสากลกับพระเยซูเจ้า ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกชื่อพวกเขาที่ละคน ให้มาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ และออกเดินทางไปพร้อมกับพระองค์ และเดินทางไปพร้อม ๆ กัน นี่คือภาพดั้งเดิมของ “พระศาสนจักรที่ก้าวเดินไปด้วยกัน” ซึ่งเราสามารถเพิ่มชื่อของเราแต่ละคนเข้าไปต่อจากบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสอง ตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป พวกเรายังจำวันที่เราได้รับศีลล้างบาปของเราได้หรือไม่?
ในศีลกำลังนี้เป็นการตอกย้ำพันธกิจที่ได้รับมาจากศีลล้างบาป เราจึงเรียกศีลกำลังว่าเป็นการยืนยัน (ในภาษาอังกฤษศีลกำลังใช้คำว่า Confirmation แปลว่า การยืนยัน)
ชีวิตคริสตชนเปรียบได้กับบ้านซึ่งมีศีลล้างบาปเป็นรากฐาน แม้ว่าเราจะมีอายุมากขึ้นเป็น 11 ปี, 20 ปี, 40 ปี หรือ 80 ปี รากฐานของชีวิตคริสตชนของเราก็คือ “ศีลล้างบาป” และนี่คือสาเหตุที่เราจะต้องจำวันที่เราได้รับศีลล้างบาป และเฉลิมฉลอง
#ศิลาทรงชีวิต (Living stones)
บรรดาเด็ก ๆ ที่มาแสวงบุญที่กรุงโรมในวันนี้ มาจากเขตแดนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาจึงเข้าใจถึงความสำคัญของความแข็งแรงของบ้าน บ้านที่แข็งแรงจะไม่พังทลายลงมา
ในโอกาสนี้พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงอวยพรก้อนหินที่นำมาจากอารามโบราณแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า อารามนักบุญยูติซีโอ (Abbey of St. Eutizio) เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการบูรณะวัดและฟื้นฟูพระศาสนจักรที่กำลังกระทำขึ้น
พระสันตะปาปาฟรังซิสยังตรัสอีกว่า “ข้าพเจ้าขออวยพรให้พวกท่านแต่ละคนด้วย เพื่อว่าพวกท่านจะได้กลายเป็น “ศิลาทรงชีวิต” ที่เป็นรากฐานของการก่อตั้งพระศาสนจักร เป็นศิลาทรงชีวิตในครอบครัว ในวัด ในการพบปะกับเพื่อน ๆ ในการเล่นกีฬา และด้านอื่น ๆ
การเป็นศิลาทรงชีวิตนี้ อาศัยพลังจากพระจิตเจ้า ที่เราจะได้จากศีลล้างบาป และได้รับการยืนยันในศีลกำลัง ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้า และเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ...