#เราต้องแบ่งขนมปังบนพระแท่นแห่งโลกนี้ (Bread must be shared on the table of the world)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเสด็จไปยังเมืองมาเตร่า (Matera) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศอิตาลี เพื่อร่วมงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทแห่งชาติ (อิตาลี) ครั้งที่ 27 ทรงเทศน์สอนคริสตชนจากพระวรสารประจำวันอาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดาเรื่อง “เศรษฐีกับลาซาลัส” (ลก 16:19-31) ว่า “ไม่มีการนมัสการศีลมหาสนิทโดยปราศจากความรักความเมตตาต่อคนยากจน” เพราะลาซาลัสผู้ยากจน ได้รอคอยเศษขนมปังที่หล่นจากโต๊ะของเศรษฐีมาตลอดชีวิต แต่ความหวังของเขาไม่เคยสมหวังเลย
เศรษฐีที่ร่ำรวย สวมเสื้อสีม่วงราคาแพงและผ้าลินินเนื้อดี จัดงานเลี้ยงอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยทุกวัน ขณะที่ลาซาลัส ขอทานยากจน เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล นอนรอเศษอาหารอยู่หน้าบ้านของเศรษฐี หวังว่าจะมีเศษขนมปังหล่นลงมาจากโต๊ะอาหารของเศรษฐี เพื่อเขาจะได้กินบ้าง
พระวรสารตอนนี้ ทำให้เราระลักว่า เศษขนมปังไม่เคยหล่นลงมาจากโต๊ะอาหารของเศรษฐีในโลกนี้เลย ในขณะที่คนยากจนรอคอยอย่างสิ้นหวัง กลิ่นน้ำหอมไม่เคยได้เล็ดลอดออกมาให้พวกเขาได้สัมผัสกลิ่น และความยุติธรรมในสังคมที่พวกเขาไม่เคยได้รับ
พระสันตะปาปาฟรานซิสเชื้อเชิญให้คริสตชน “กลับไปลิ้มรสขนมปัง เพื่อระลึกว่าในขณะที่การดำรงอยู่บนโลกของเรากำลังถูกกลืนกิน ศีลมหาสนิทให้ความหวังแห่งคำสัญญาเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ และนำเราไปสู่ชีวิตใหม่หลังจากเอาชนะความตายแล้ว” เราจึงควรถามตัวของเราเองว่า “ศีลมหาสนิทเป็นบ่อเกิดและสูงสุดในชีวิตของเราหรือไม่? และอย่างไร?”
#ความเป็นอันดับหนึ่งของพระเจ้า (The primacy of God)
เศรษฐีในคำอุปมาไม่เคยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าเลย เขาสนใจแต่ความมั่นคง มั่นคั่ง ความพึงพอใจ และความสุขในโลกนี้เท่านั้น เขาเทิดทูนทรัพย์สมบัติในโลกนี้แทนพระเจ้า เขาปิดตัวเองอยู่ในโลกแคบ ๆ ของเขาในโลกนี้ด้วยความพึงพอใจส่วนตัว เมามาย ลุ่มหลงในเงินทอง มึนงงในความไร้สาระ และหมกมุ่นอยู่กับตนเอง
เศรษฐีคนนี้เราจึงไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไร เราจึงเรียกเขาว่า “เศรษฐี” เพราะอัตลักษณ์ของเขาคือ “การครอบครอง” เช่นเดียวกับความเป็นจริงที่น่าเศร้าในโลกของเราทุกวันนี้ เมื่อเราสับสนกับสิ่งที่เราเป็นกับสิ่งที่เรามี เมื่อเราตัดสินผู้คนด้วยความร่ำรวย ตำแหน่งที่พวกเขาเป็น หน้าที่ที่พวกเขารับผิดชอบ และยี่ห้อเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่
มันเป็นรูปแบบหนึ่งของการนับถือศาสนาในโลกนี้ ที่เน้นการมีและการแสดงออกมาให้เห็นภายนอก หลายครั้งดูเหมือนว่าจะครอบครองโลกนี้ แต่สุดท้ายแล้ว ก็นำความว่างเปล่ามาให้ชีวิต
ตรงกันข้าม เราทราบชื่อขอทานคนนั้นว่า “ลาซาลัส” แปลว่า “พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือ” (God will help) เขาเป็นตัวแทนของผู้ยากจน บุคคลชายขอบ แต่เขามีเกียรติอย่างเต็มเปี่ยม เพราะเขามีความผูกพันอยู่กับพระเจ้า ในชื่อของเขามีพระเจ้าปรากฏอยู่ พระเจ้าจึงเป็นความหวังในชีวิตของเขา
นี่จึงการท้าทายว่า ศีลมหาสนิทได้มอบอะไรให้กับชีวิตของเรา เรานมัสการพระเจ้าหรือว่านมัสการตัวของเราเอง หากเรานมัสการตัวของเราเอง เราก็จะตายเพราะขาดอากาศหายใจจากการกักขังตัวเองอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ที่เรากำหนดขึ้นมา
หากเรานมัสการเศรษฐีหรือความร่ำรวยในโลกนี้ พวกเขาก็จะครอบครองเรา และทำให้เราได้กลายเป็นทาสของพวกเขา หากเรานมัสการพระเจ้าจากสิ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็นทางวัตถุภายนอก ก็จะทำให้เรามึนเมาในความสิ้นเปลือง และปลายทางสุดท้ายของชีวิต มันก็จะนำใบเสร็จรับเงินมาแสดงให้กับเราได้เห็นเท่านั้น
แต่ถ้าเรานมัสการพระเยซูเจ้าที่ทรงประทับอยู่ในศีลมหาสนิท เราก็จะได้รับรูปแบบใหม่แห่งการดำเนินชีวิตท่ามกลางโลกนี้ เราไม่ได้เป็นสิ่งที่เราครอบครองอยู่ หรือหยุดอยู่เพียงแค่ความสำเร็จที่เราสามารถทำได้ คุณค่าของชีวิตที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า ฉันสามารถแสดงออกมาได้มากแค่ไหน หรือว่าลดน้อยลงเมื่อชีวิตล้มเหลวหรือตกต่ำ
ฉันเป็นลูกที่พระเจ้าทรงรักคนหนึ่ง พระเจ้าทรงอวยพรชีวิตของฉัน พระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมให้ฉันด้วยความงดงาม และต้องการให้ฉันเป็นอิสระจากพันธนาการใด ๆ ทั้งปวงในโลกนี้ ใครก็ตามที่นมัสการพระเจ้า เขาจะไม่สามารถเป็นทาสของสิ่งอื่นใดได้
#ความรักต่อเพื่อนพี่น้อง (Love for our brothers and sisters)
เคียงคู่กับการเลือกพระเจ้ามาเป็นอันดับแรก ศีลมหาสนิทเรียกร้องให้เราแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ศีลมหาสนิทเป็นศีลแห่งความรัก เป็นพระเยซูเจ้าเองที่มอบตัวเองและยอมบิ (หัก) ตัวของพระองค์เองเพื่อเรา และทรงขอให้เราปฏิบัติเช่นเดียวกับพระองค์
เศรษฐในพระวรสารไม่ได้กระทำเช่นนั้น เมื่อเขาจบชีวิตในโลกนี้ลง พระเจ้าได้เปลี่ยนโต๊ะของเขา จากโต๊ะแห่งความร่ำรวยกลายเป็นโต๊ะแห่งความยากจน ทำให้เขาได้เห็นลาซาลัส ซึ่งในโลกนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน รวมถึงอับราฮัม แต่ว่าระหว่างเขามีเหวลึกและกว้างขวาง กันพวกเขาไม่ให้ไปหากันและกัน (ลก 16:26) เช่นเดียวกับการมีอะไรบางสิ่งบางอย่างกั้นเศรษฐีไม่ให้ไปเห็นและไปพบขอทานลาซาลัส ในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้
ชีวิตในอนาคตหรือในโลกนี้จะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตในปัจจุบันของเรา ถ้าเราขุดช่องว่างระหว่างเรากับเพื่อนพี่น้อง ก็เท่ากับเราได้ขุนหลุมฝังศพของตัวของเราเองเอาไว้ด้วย หากเราสร้างกำแพงกั้นเพื่อนพี่น้องของเรา เราก็อยู่ในคุกหรือในที่กักขังที่ตัวของเราเองสร้างขึ้นมา ในความโดดเดี่ยวและความตาย
เช่นเดียวกับในโลกนี้ที่ยังมีความอยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมกัน ในการครอบครอบทรัพยากรต่าง ๆ ในโลกนี้ การใช้กำลังกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่า การไม่สนใจเสียงร้องของคนยากจน หุบเหวที่เราได้สร้างขึ้นได้ทำให้พื้นที่ระหว่างเรากับบุคคลชายขอบกว้างมากขึ้น ทำให้เราไม่สนใจผู้อื่น
พลังจากศีลมหาสนิทจะช่วยเปลี่ยนแปลงพวกเรา จากความเย็นเฉยไปสู่ความรักความเมตตา จากการสร้างขยะเป็นการแบ่งปัน จากความเห็นแก่ตัวไปสู่ความรัก จากความสนใจแต่ตัวเองไปสู่ความเป็นพี่น้องกัน
#พระศาสนจักรแห่งศีลมหาสนิท (A Eucharistic Church)
พระศาสนจักรแห่งศีลมหาสนิท จะถูกสร้างขึ้นจากชายหญิงที่ยอมหักตนเองเช่นเดียวกับแผ่นปังที่ถูกบิจากพระสงฆ์ เพื่อมอบตนเองแด่ผู้อื่น โดยเฉพาะผู้คนที่โดดเดี่ยวและยากจน ผู้คนที่หิวการหายความอ่อนโยนและความเมตตา ผู้คนที่พังทลายเพราะขาดเชื้อแห่งความหวัง
พระศาสนจักรจะต้องคุกเข่าลงและนมัสการพระเยซูเจ้าที่ประทับอยู่ในศีลมหาสนิท ก้มหน้าและโน้มตัวลงด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อบาดแผลของผู้ที่มีความทุกข์ทรมาน การยกผู้ยากจนขึ้น เช็ดน้ำตาให้กับผู้โศกเศร้า เปลี่ยนตัวเองให้เป็นขนมปังแห่งความหวังและความชื่นชมยินดีให้กับบุคคลอื่น
เหตุฉะนี้ การนมัสการศีลมหาสนิทที่แท้จริงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยปราศจากความรักความเมตตาบุคคลเช่นเดียวกับลาซาลัสในทุกวันนี้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา
จากหัวข้อของงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทในครั้งนี้ที่ว่า “กลับไปลิ้มรสขนมปัง” เพราะในขณะที่เรากระหายความรักและความหวัง หรือเรารู้สึกท้อแท้จากการทดลองและความทุกข์ทรมานในชีวิต พระเยซูทรงกลายเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงเราและเยียวยารักษาเรา
#อัครสาวกแห่งความเป็นพี่น้องกัน (Apostles of fraternity)
ให้เรากลับไปชิมรสขนมปัง เพราะในขณะที่ความอยุติธรรมและการเลือกปฏิบัติได้เกิดขึ้นกับคนยากจนในโลกนี้ พระเยซูเจ้าทรงประทานขนมปังแห่งการแบ่งปันให้กับเรา และส่งเราออกไปเป็นอัครสาวกแห่งความเป็นพี่น้องกัน สร้างความยุติธรรมและสันติสุขให้เกิดขึ้นในทุก ๆ วันของเรา
ให้เรากลับไปชิมรสขนมปัง เป็นพระศาสนจักรแห่งศีลมหาสนิท ที่มีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางและกลายเป็นขนมปังแห่งความอ่อนโยนและเมตตาสำหรับทุกคน
ให้เรากลับไปชิมรสขนมปัง เพื่อระลึกว่า ในขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ชีวิตของเราก็กำลังถูกกลืนกินเข้าไป ศีลมหาสนิทได้ให้ความหวังแห่งการกลับคืนชีพ และนำเราไปสู่ชีวิตใหม่ที่ชนะความตาย
ให้เรากลับไปชิมรสขนมปัง เมื่อเรารู้สึกสิ้นหวัง โดดเดี่ยว วิตกกังวล ความทุกข์ทรมานจากบาป ความกลัวว่าจะไม่สำเร็จ
ให้เรากลับไปยังพระเยซูเจ้า ให้เรานมัสการพระองค์ ให้เราต้อนรับพระองค์ ผู้ทรงเอาชนะความตายและฟื้นฟูชีวิตของเราขึ้นใหม่เสมอ...