#กล้าที่จะฟื้นฟูพันธกิจในการรับใช้คนยากจน ('Dare to renew your mission to serve the poor')
เมื่อว้นเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2022 พระสันตะปาปาทรงพบปะกับพระสงฆ์คณะพระมหาไถ่ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการทำการสมัชชาของคณะ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน และจะสิ้นสุดในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ เพื่อวางแผนการทำงานอีก 6 ปีข้างหน้า และได้เลือกอัคราธิการของคณะคนใหม่คือคุณพ่อโรเจริโอ โกเมส (Fr. Rogério Gomes)
#จงอย่ากลัวที่จะเลือกหนทางใหม่ๆ (Don't be afraid to take new paths)
การทำสมัชชาของคณะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำตามกฎระเบียบตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น แต่เป็นการฟื้นฟูชีวิตเหมือนกับวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา (Pentecost) เพื่อสรรสร้างสิ่งใหม่ ในการทบทวนอัตลักษณ์ของตนเอง พันธกิจ ชีวิตนักบวช การอบรม และการบริหารปกครอง ตามพระพรของนักบุญอัลฟอลโซผู้ก่อตั้งคณะได้วางไว้
จงอย่ากลัวที่จะเลือกหนทางใหม่ และเสวนากับโลกยุคปัจจุบัน โดยยังคงจับตามองไปยังองค์พระเยซูเจ้า ผู้ทรงยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสิ้นเชิง และวางรูปแบบแห่งการรับใช้ไว้ให้กับเรา จงอย่ากลัวการรับใช้คนยากจนที่จะทำให้มือของเราสกปรก
#การกลับใจและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต่างๆ (Conversion of heart and change of structures)
จงดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ของคณะด้วยความเต็มใจ ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและการทดลองต่าง ๆ เพื่อนำองค์พระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ ไปยังทุกคน สิ่งที่สำคัญในการฟื้นฟูพระศาสนจักรและชีวิตนักบวชก็คือ การปฏิบัติตามพันธกิจของพระเยซูเจ้า ด้วยความซื่อสัตย์และสร้างสรรค์
การฟื้นฟูต้องการกระบวนการในการกลับใจ คือการเปลี่ยนแปลงหัวใจและจิตใจของเรา นั่นก็คือ การสำนึกผิด ในขณะเดียวกัน การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บางครั้งอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงธรรมประเพณีเก่า ๆ (เหยือกเก่า ๆ) ที่เคยปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา ซึ่งอาจะทำให้เราต้องเจ็บปวด แต่ก็จำเป็น หากเราต้องการจะเป็นธรรมทูตแห่งความหวัง
#การเป็นธรรมทูตแห่งความหวัง (Being missionaries of hope)
ผู้ที่ยึดมั่นในตนเองมากเกินไป โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นเส้นโลหิตหัวใจตีบได้ ซึ่งเป็นการขัดขวางการทำงานของพระจิตเจ้า ที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์ เราอย่าสร้างอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพระจิตเจ้า ประการแรกในหัวใจของเรา และในรูปแบบการดำเนินชีวิตของเรา ด้วยการทำงานเช่นนี้ก็จะทำให้เราเป็นธรรมทูตแห่งความหวังได้
#3เสาหลัก (Three pillars)
การฟื้นฟูชีวิตของเราควรอยู่บนเสาหลัก 3 ประการ คือ
1) พระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า
2) ชีวิตหมู่คณะ และ
3) การอธิษฐานภาวนา
ดังคำสอนของนักบุญอัลฟอลโซที่เตือนเราว่า ให้เราดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า ปราศจากพระองค์แล้วเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใครที่อยู่ในพระองค์จะบังเกิดผลมากมาย (เทียบ ยน 15:1-9)
การละทิ้งชีวิตหมู่คณะและการสวดภาวนา เป็นประตูไปสู่ความแห้งแล้งในชีวิตนักบวช การตายต่อจิตตารมณ์ และการปิดตัวเองต่อเพื่อนพี่น้องคนอื่น ตรงกันข้าม การนอบน้อมเชื่อฟ้งต่อพระจิตของพระเยซูเจ้า ผลักดันเราให้ประกาศข่าวดีต่อคนยากจน ดังที่พระองค์ได้ทรงเทศน์สอนในศาลาธรรมของชาวยิว เราควรจะทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในหมู่คณะของเรา
คณะผู้บริหารคณะที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน สร้างความเป็นหนึ่งเดียว ปรีชาญาณ และการแยกแยะที่ดี เพื่อที่จะนำสมาชิกของคณะไปสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง
#จงอย่าลืมคนยากจน (Never forget the poor)
อาศัยความไว้วางใจต่อพระมารดานิจจานุเคราะห์ ขอให้สมาชิกของคณะพระมหาไถ่ซื่อสัตย์และพากเพียรต่อพันธกิจ นั่นก็คือ การรับใช้และประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ ไปสู่ผู้ที่ยากจนมากที่สุดและผู้ที่ถูกหลงลืมไป...