เมื่อไรคือตอนนี้และเมื่อมันอยู่ในมือของเรา (The "when" is now, and it lies in our hands)
เมื่อวันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงประกอบพิธีมหาบูชาขอบพระคุณ ภายในพระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน เพื่ออุทิศให้กับบรรดาพระคาร์ดินัลและพระสงฆ์ที่ได้เสียชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมา โดยนำไตร่ตรองจากคำ 2 คำ จากพระวรสารประจำวันเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย (มธ 25) คือ การรอคอย (expectation) และความแปลกประหลาดใจ (surprise)
การรอคอย (expectation)
“การรอคอย” เป็นการแสดงออกถึงความหมายของชีวิต "เพราะเราดำเนินชีวิตด้วยการรอคอยการเผชิญหน้าหรือพบกับพระเจ้า ซึ่งเป็นเหตุผลสำหรับการอธิษฐานภาวนาของเราในวันนี้"
พวกเราทุกคนดำเนินชีวิตในความคาดหวัง โดยหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสกับเราว่า “เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก มธ 25:34)” ("Come, you blessed of my Father")
เราควรถามตัวเองว่า “การรอคอยของฉันเป็นอย่างไร? ฉันทำในสิ่งจำเป็นหรือฉันฟุ้งซ่านด้วยสิ่งฟุ่มเฟือยมากมาย? ฉันมีความหวังหรือฉันพร่ำบ่นในสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีสาระสำคัญมากเกินไปหรือไม่?
ความแปลกประหลาดใจ (The Gospel, full of surprise)
ในพระวรสาร (อุปมาเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย มธ 25) เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจอันยิ่งใหญ่ ในทุกครั้งที่เราได้ยิน ที่มีคนถามว่าพระเจ้าว่า “พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหายแล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าแล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้าและถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวนหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม" (มธ 25:37-39)
จากวลีที่ว่า “เราเคย… เมื่อไหร่?” ความประหลาดใจของทุกคน ความประหลาดใจของคนชอบธรรม และความผิดหวังของคนอธรรมที่ แสดงออกมา เราคาดหวังว่าการพิพากษาในชีวิตและโลก จะเกิดขึ้นภายใต้ร่มธงแห่งความยุติธรรม ต่อหน้าศาลที่ตัดสินชี้ขาดซึ่งกลั่นกรองทุกองค์ประกอบ จะให้ความกระจ่างแก่สถานการณ์และความตั้งใจตลอดไป
“ในศาลของพระเจ้า สิ่งที่สำคัญของการทำบุญกุศล และข้อกล่าวหามีเพียงสิ่งเดียว คือความเมตตาต่อคนยากจนและผู้ถูกทอดทิ้ง: พระผู้สูงสุดทรงประทับอยู่ในผู้ที่ต่ำต้อยที่สุด พระองค์ผู้สถิตในสวรรค์แต่กลับประทับอยู่ท่ามกลางผู้ที่ยากจนมากที่สุด”
ขอให้เราอย่าได้แปลกประหลาดใจ (Let us not be surprised)
เมื่อไตร่ตรองถึงวลีที่ทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมต่างถามตัวเองด้วยความประหลาดใจว่า "พวกเขาเคยต้อนรับพระเจ้าเมื่อใด?" "คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว คือ 'เมื่อใด?' คือ “ตอนนี้” มันอยู่ในมือของเรา ในงานแห่งความเมตตาของเรา ไม่ใช่ในการวิเคราะห์ที่ขัดเกลา ไม่อยู่ในเหตุผลส่วนตัวหรือทางสังคม"
พระเจ้าเตือนเราว่าความตายมีขึ้นเพื่อสร้างความจริงของชีวิต และขจัดสถานการณ์ที่ลดทอนลงทั้งหมดเพื่อความเมตตา พระวรสารอธิบายวิธีการดำเนินชีวิตตามการรอคอย เราไปหาพระเจ้าด้วยความรัก เพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก และในวันสุดท้ายของเรา ความประหลาดใจจะทำให้เรามีความสุข ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองประหลาดใจในตอนนี้ ด้วยการยอมรับการประทับอยู่ของพระเจ้าในปัจจุบัน ผู้ทรงรอคอยเราอยู่ท่ามกลางคนยากจนและผู้บาดเจ็บในโลก พระองค์จะไม่คอยโอบกอดเราด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยความรักของพระองค์ ...