จงพากเพียรในการทำความดีการอธิษฐานภาวนาและการรับใช้ (Persevere in goodness, prayer and service)
หลังจากการประกอบพิธีมหาบูชาขอบพระคุณ โอกาสวันคนยากจนสากลครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงทักทายบรรดาผู้แสวงบุญ ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน หลังจากการสวดบททูตสวรรค์แจ้งข่าวเมื่อตอนเที่ยงวัน
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำไตร่ตรองจากพระวรสารประจำวัน เกี่ยวกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม
ท่ามกลางความภาคภูมิใจถึงพระวิหารอันสวยงามโอ่อ่าสง่างามของชาวยิว ณ กรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูเจ้าทรงเตือนพวกเขาถึงสิ่งที่มีอยู่ในวันนี้ และในวันพรุ่งนี้จะจากไป โดยกล่าวว่า “พระวิหารหลังนี้จะไม่เหลือหินก้อนซ้อนกันอยู่เลย” นอกจากนั้นแล้ว ในโลกนี้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด สงคราม และการกวาดล้างทุกสิ่ง
ความพากเพียรพยายาม (Pursuing perseverance)
พระสันตะปาปาตั้งข้อสังเกตว่า ถ้อยคำอันท้าทายเหล่านี้ ให้คำสอนอันล้ำค่าแก่เราว่า มีทางออกเสมอสำหรับอันตรายและความผันผวนของชีวิตมนุษย์ อาศัยความพากเพียรพยายาม เราจะรักษาชีวิตของเราได้ "ความพากเพียร" นี้ หมายถึง ความมีวินัยและความยืนหยัดในสิ่งที่พระเป็นเจ้าสนใจและให้ความสำคัญมากที่สุด
“พระเยซูเจ้าตรัสว่า ให้จดจ่อกับสิ่งที่ยังเหลืออยู่ หลีกเลี่ยงการทุ่มเทชีวิตของเรา เพื่อสร้างบางสิ่งที่จะถูกทำลายลง หรือไม่จีรังยั่งยืน เช่นเดียวกับพระวิหารนั้น และลืมที่จะสร้างสิ่งที่จะไม่พังทลาย ตามพระวาจาของพระองค์ ในความรัก และความดี”
มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญ (Focusing on what matters)
เรามักสูญเสียการจดจ่อกับสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในพระวิหาร (แทนที่จะสนใจพระเป็นเจ้า ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ความรัก ความดีงามทางด้านจิตใจ) แต่กลับเฉลิมฉลองเฉพาะในสิ่งที่โลกหยิบยื่นใส่มือให้กับเรา ความสำเร็จ ประเพณี สัญลักษณ์ทางศาสนา และวัฒนธรรมของเรา ในขณะที่เราคิดว่าสิ่งเหล่านั้นมีความสำคัญ แต่สิ่งเหล่านั้นวันหนึ่งจะสูญสิ้นไป
ความพากเพียรพยายามหมายความว่า "ความพยายามที่จะสร้างความดีทุกวัน...เพื่อคงไว้ซึ่งความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความจริงรอบตัวกระตุ้นให้เราทำอย่างอื่น"
ในทางปฏิบัติ นี่หมายถึงการอธิษฐานภาวนาแม้ในขณะที่เราคิดว่าเรายุ่งเกินไป ปฏิบัติตามกฎแม้ว่าคนอื่นจะไม่ทำเช่นนั้น การให้เวลาของเราแก่ชุมชน คนจน และในวัดของเรา
ดำรงอยู่ในความดี (Remaining in Goodness)
จะเป็นการดีหากเราถามตนเองว่า เราพยายามอดทนอยู่ในความดีของพระเจ้าดีเพียงใด เราพยายามดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ความยุติธรรม และการทำกิจเมตตาในชีวิตประจำวันของเราหรือไม่ เราเสียสละเพื่ออุทิศเวลาให้กับการอธิษฐานภาวนาหรือช่วยเหลือผู้อื่น เราสามารถรักษาใจของเราให้แน่วแน่ในพระเจ้าแม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราจะยากลำบากเพียงใด
“หากเราอดทน พระเยซูทรงเตือนเราว่า เราไม่มีอะไรต้องกลัว แม้ในเหตุการณ์ที่น่าเศร้าและน่าเกลียดของชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ความชั่วร้ายที่เราเห็นรอบตัวของเรา เพราะเรายังคงยึดมั่นในความดี...ขอแม่พระ ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อช่วยเสริมความพากเพียรของเรา” ...