พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงต่ออายุสภาพระคาร์ดินัล (Pope renews Council of Cardinals)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงต่ออายุสภาพระคาร์ดินัล ซึ่งประกอบไปด้วยพระคาร์ดินัลจำนวน 9 องค์ (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “C9”) เมื่อคำสั่งแต่งตั้งครั้งล่าสุดได้สิ้นสุดลง โดยมีบิชอปมาร์โก เมลลิโน (Bishop Marco Mellino) ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ
สมาชิกสภาพระคาร์ดินัลใหม่ หรือ C9 ประกอบไปด้วย
1. พระคาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน (Pietro Parolin) เลขาธิการรัฐวาติกัน
2. พระคาร์ดินัล เฟร์นานโด เวอร์เกซ อัลซาก้า (Fernando Vérgez Alzaga) ประธานเขตผู้ว่าการนครรัฐวาติกัน
3. พระคาร์ดินัล ฟรีโดลิน อัมบองโก (Fridolin Ambongo) อาร์คบิชอปแห่งกินชาซา
4. พระคาร์ดินัล ออสวอลด์ กราเซียส (Oswald Gracias) อาร์คบิชอปแห่งบอมเบย์
5. พระคาร์ดินัล ฌอน แพทริก โอมัลลีย์ (Seán Patrick O'Malley) อาร์คบิชอปแห่งบอสตัน
6. พระคาร์ดินัล ฮวน โฮเซ โอเมลลา (Juan José Omella) อาร์คบิชอปแห่งบาร์เซโลนา
7. พระคาร์ดัล เจราลด์ ลาครัวซ์ (Gérald Lacroix) อาร์คบิชอปแห่งควิเบก
8. พระคาร์ดินัล ฌอง-โคลด ฮอลเลอริช (Jean-Claude Hollerich) อาร์คบิชอปแห่งลักเซมเบิร์ก และ
9. พระคาร์ดินัล เซอร์จิโอ ดา โรชา (Sérgio da Rocha) อาร์คบิชอปแห่งซันซัลวาดอร์ เด บาเอีย
การก่อตั้ง (Establishment)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงจัดตั้งสภาพระคาร์ดินัลนี้ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2013 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. ช่วยพระองค์ในการบริหารจัดการพระศาสนจักรสากล
2. ปฏิรูปการทำงานในนครรัฐวาติกัน
ซึ่งทำให้เกิดสังฆธรรมนูญฉบับใหม่ (Apostolic Constitution) ที่ชื่อว่า “การประกาศข่าวดี” (Praedicate Evangelium) เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และเป้าหมายการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมา
การประชุม (Meetings)
- การประชุมครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 ตุลาคม 2013
- การประชุมครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม 2022 เรื่อง กระบวนการทำสมัชชาในระดับทวีปต่าง ๆ
- การประชุมครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 24 เมษายน 2023 เวลา 09.00 น. ณ บ้านนักบุญมาร์ธา ที่พำนักของพระสันตะปาปาฟรังซิส ในนครรัฐวาติกัน
สภาพระคาร์ดินัลนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคณะพระคาร์ดินัลทั่วโลก โดยพระคาร์ดินัลทั้ง 9 นี้ ถือเป็นตัวแทนของบรรดาพระคาร์ดินัลทั่วโลกจากทุกทวีป ที่จะนำข้อเสนอแนะ หรือความคิดเห็นไปถึงพระสันตะปาปาในเรื่องต่าง ๆ เพื่อการทำงานในภาพรวมของพระศาสนจักรในระดับสากลจะได้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานปัจจุบัน และตอบสนองต่อความต้องการต่าง ๆ อันหลากหลาย ของประชากรของพระเจ้า และเพื่อความดีงามของสังคมส่วนรวมต่อไป