กรณีชาวศรีลังกาโจมตีวันอาทิตย์ปัสกาเรียกร้องความโปร่งใสและความยุติธรรม (Sri Lankans mark Easter Sunday attacks demanding transparency and justice)
พระศาสนจักรในประเทศศรีลังการำลึกถึงวันครบรอบ 4 ปี ของการทิ้งระเบิดในวันอาทิตย์ปัสกาที่ 21 เมษายน 2019 ตัวแทนชาวศรีลังกาจากทุกศาสนาได้ร่วมกันสร้างโซ่มนุษย์ยาว 30 กิโลเมตรจากเมืองโคลัมโบ (Colombo) ไปยังเมืองเนกอมโบ (Negombo) ซึ่งเป็นจุดที่มีการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้น
ชาวศรีลังกาจากทุกศาสนาจับมือกันและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 2 นาทีในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2023 เพื่อเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนการแสวงหาความจริง และความยุติธรรมของพระศาสนจักรคาทอลิก จากเหตุการโจมตีที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 370 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 500 คนในวันอาทิตย์ปัสกา 2019
โครงการริเริ่มห่วงโซ่มนุษย์ในหัวข้อ “เรากำลังเฝ้าดูจนกว่าความยุติธรรมจะเสร็จสิ้น” เป็นผู้นำโดยพระคาร์ดินัลมัลคอล์ม รันจิธแห่งโคลัมโบ (Cardinal Malcolm Ranjith of Colombo) ผู้ที่พยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการผลักดันให้มีการสอบสวนที่โปร่งใสและเรียกร้องความรับผิดชอบ
ในวันก่อนวันครบรอบ พระคาร์ดินัลมัลคอล์ม บอกกับวิทยุวาติกันว่า โซ่มนุษย์จะรวมวัดนรกบุญอันตนในโคลัมโบและวัดนักบุญเซบาสเตียนในเนกอมโบในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งการโจมตีได้คร่าชีวิตและการทำลายล้างมากที่สุด รัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง หน่วยข่าวกรอง ยังไม่ได้ทำอะไรมากในเรื่องนี้ และพวกเขาพยายามที่จะตำหนิชาวมุสลิมและบอกว่าชาวมุสลิมเป็นผู้กระทำ
พระคาร์ดินัลมัลคอล์มกล่าวต่อว่า มีหลักฐานและมีข้อบ่งชี้ว่าการโจมตีดังกล่าวดำเนินการโดยกลุ่มหัวรุนแรงที่นับถือนิกายดั้งเดิมสุดโต่ง (fundamentalist extremists) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแหล่งข่าวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่ออิสลามในประเทศนี้ แนวคิดนี้คือการใช้ประโยชน์จากกลุ่มบุคคลที่กลัวชาวอิสลาม (Islamophobia) นี้ในการผลักดันอำนาจของพวกเขาโดยการได้รับคะแนนเสียงจากชุมชนชาวสิงหลส่วนใหญ่โดยเติมความโกรธให้กับชาวมุสลิม ตอนนี้ความพยายามนี้ได้รับการเปิดเผยแล้ว แต่เราต้องการให้มีการค้นพบอย่างมั่นคงและชัดเจน
"เรากำลังขอให้มีการสอบสวนใหม่ การสอบสวนที่โปร่งใส และสายมนุษย์มีเป้าหมายที่จะเน้นย้ำถึงการตัดสินใจดังกล่าว”
องค์กรระหว่างศาสนา (Interfaith enterprise)
พระคาร์ดินัลมัลคอล์มยืนยันว่า สมาชิกของกลุ่มศาสนาต่าง ๆ ทั้งหมดจะมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มนุษย์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวมุสลิมได้ประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาอยู่กับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น พวกเขาจึงมาเป็นจำนวนมากเพราะสิ่งต่าง ๆ ได้รับการชี้แจงแล้ว
“เราได้กล่าวว่าไม่ใช่ชาวมุสลิมที่ได้ทำมัน การโจมตีดังกล่าวกระทำโดยกลุ่มหัวรุนแรง โดยมีกองกำลังทางการเมืองที่เราได้ระบุให้การสนับสนุนอยู่”
ในขณะเดียวกัน ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ไม่พอใจเกี่ยวกับห่วงโซ่มนุษย์ พวกเขากล่าวและพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อพยายามหยุดความคิดริเริ่มนี้โดยสร้างความแตกแยก โดยกล่าวว่า “มัสยิดของชาวมุสลิมบางแห่งกำลังตกอยู่ภายใต้การคุกคามจากการโจมตีและอื่น ๆ”
สิ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ที่พวกเขาใช้มาโดยตลอด และผู้คนในศรีลังกาตระหนักดีถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า “กลยุทธ์ที่ผิดพลาดแบบนี้” ประชาชนจะไม่ยอมรับสิ่งนี้ ดังนั้น “นักการเมืองจะต้องเข้าใจว่าพวกเขาไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นต่อไปได้”
“เราไม่พอใจกับสิ่งนั้น”