การเฉลิมฉลองพิธีถวายมงกุฎแด่พระนางมารีย์ที่ถูกทอดทิ้งแห่งมุนตินลูปาในฟิลิปปินส์ (Canonical Coronation of Our Lady of the Abandoned Muntinlupa in the Philippines)
วิหารประจำสังฆมณฑลปารานาเก (Diocesan Shrine of Diocese of Parañaque) เมืองมุนตินลูปา ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ทำการฉลองอายุของชุมชนแห่งความเชื่อครบรอบ 160 ปีด้วยการประดับมงกุฎแด่รูปพระแม่มารีย์ประจำวิหาร และเน้นความเชื่อมโยงของวิหารกับพระมหาวิหารพระนางมารีย์แห่งกรุงโรม
คุณพ่อโจนาธาน คาดิซ (Jonathan Cadiz) อธิการชาวฟิลิปปินส์และเจ้าอาวาสประจำวิหารแห่งนั้น ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่ชุมชนแห่งความเชื่อของท่าน ได้ทำพิธีสวมมงกุฎให้กับพระนางมารีย์ ซึ่งเป็นกฤษฎีกาความผูกพันทางด้านจิตวิญญาณ ระหว่างความสัมพันธ์กับพระสันตะปาปาและพระมหาวิหารพระนางมารีย์แห่งกรุงโรม โอกาสวันครบรอบ 160 ปีของวิหารในเมืองมุนตินลูปา ประเทศฟิลิปปินส์
ความศรัทธาต่อแม่พระผู้ถูกทอดทิ้ง (Devotion to Our Lady of the Abandoned)
พระแม่ผู้ถูกทอดทิ้ง เป็นภาพของแม่ที่รักใคร่ ซึ่งตอบรับคำอธิษฐานของลูก ๆ ที่ถูกทอดทิ้งและ ทุกคนที่ขอความช่วยเหลือ
“ความจงรักภักดีต่อพระแม่ผู้ถูกทอดทิ้ง (Nuestra Señora de los Desamparados) เริ่มต้นขึ้นที่เมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน ในตอนแรก ชื่อนี้ใช้เพื่ออ้างถึงพระแม่มารีย์ในฐานะแม่ที่ห่วงใยเด็กที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อความศรัทธานี้ได้แพร่หลายออกไปเพราะอัศจรรย์มากมาย และการได้รับตามคำอธิษฐานภาวนา พระนางจึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะแม่ของทุกคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ”
ความศรัทธาอันแน่วแน่ของชาวฟิลิปปินส์ที่มีต่อแม่พระผู้ถูกทอดทิ้ง ได้แสดงออกมาให้เห็นด้วยการสร้างและอุทิศวัดในฟิลิปปินส์ เพื่อวิงวอนขอต่อพระพักตร์พระเจ้า ในปี 1863 อาร์คบิชอป เกรกอริโอ เมลิตัน มาร์ติเนซ แห่งมะนิลา (Gregorio Meliton Martinez) ได้ออกกฤษฎีกาจัดตั้งวัดหลังแรกในเมืองมุนตินลูปา โดยใช้ชื่อว่า “พระนางมารีย์ผู้ถูกทอดทิ้ง” (Our Lady of the Abandoned Parish) ในปี 1997 พระคาร์ดินัลไจ ซิน (Jaime Sin) ได้ยกระดับให้เป็นวิหาร และในปี 2013 พระนางมารีย์ผู้ถูกทอดทิ้งได้รับการประกาศให้เป็นผู้อุปถัมภ์หลักของเมืองมุนตินลูปา
คุณพ่อกาดิซ ย้ำถึงบทบาทสำคัญของพระแม่ผู้ถูกทอดทิ้งสำหรับชาวฟิลิปปินส์ในฐานะ “บุคคลอันเป็นที่รักของชาวมุนตินลูปา บรรดาคริสตชนต่างยกย่องพระนางมารีย์ในฐานะมารดาผู้ห่วงใย และรับอุปการะทุกคน โดยเฉพาะผู้น้อยที่สุด คนสุดท้าย และผู้สูญเสียในสังคม”
กฤษฎีกาจากกรุงโรมและงานฉลองของชุมชน (Decrees from Rome and Parish Fiesta)
“คณะกรรมการของวิหารแห่งนี้ ได้จัดเตรียมเอกสารในปี 2022 สำหรับการยื่นคำร้องของกฤษฎีกาที่ส่งไปยังกรุงโรม เราได้รวบรวมประวัติ การปฏิบัติกิจศรัทธา และประจักษ์พยานมากมาย เกี่ยวกับคำอธิษฐานภาวนาที่ได้รับคำตอบผ่านการขอร้องของแม่พระผู้ถูกทอดทิ้ง (ซึ่งกฤษฎีกานี้จะประกาศมอบพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ให้กับผู้ที่มีความเชื่อและมาแสวงบุญที่วิหารแห่งนี้)”
“ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2023 การฉลองประจำปี เป็นโอกาสที่เราจะแสดงกฤษฎีกานี้แก่ประชาชน โดยอาร์ตบิชอปชาร์ลส์ บราวน์ พระสมณทูตวาติกันประจำฟิลิปปินส์ (Archbishop Charles Brown, Apostolic Nuncio to the Philippines) ร่วมกับบิชอปเจสซี เมอร์กาโดแห่งปารานาเก (Bishop Jesse Mercado of Parañaque) เป็นผู้นำพิธีสวมมงกุฎตามกฤษฎีกาและประกาศพันธะแห่งความสัมพันธ์ทางวิญญาณ (the Bond of Spiritual Affinity)”
คุณพ่อกาดิซกล่าวว่ากฤษฎีการับรองความศรัทธาของชาวมุนตินลูปาต่อพระแม่ผู้ถูกทอดทิ้งว่า “พิธีสวงมงกุฎ เป็นเครื่องยืนยันถึงความศรัทธาของชาวเมืองมุนตินลูปาที่ มีต่อพระแม่ผู้ถูกทอดทิ้ง สายใยแห่งความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับพระมหาวิหารแม่พระแห่งกรุงโรม เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ของเราในฐานะวิหาร คือสถานที่แสวงบุญที่ผู้คนสามารถได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ (plenary indulgence) ซึ่งการได้รับอนุญาตจากวาติกันในครั้งนี้ เชื้อเชิญให้เรารักและอุทิศตนต่อมารีย์และพระเยซูพระบุตรของเธอให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
คุณพ่อกาดิซยังกล่าวเสริมว่า “ผู้คนมากมายเข้าร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ ประกอบไปด้วย นักบวช เจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น ผู้ที่มีความเชื่อ ผู้นำชุมชนแห่งความเชื่อ และสัตบุรุษที่มารวมตัวกันเพื่อเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้”
ท่านเรียกร้องให้ผู้คนรับศีลมหาสนิท และอธิษฐานภาวนาต่อแม่พระผู้ถูกทอดทิ้ง โดยปรารถนาที่จะเชื่อมโยงพวกเขาอย่างใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า
“ขอให้พระนางมารีย์เป็นแหล่งของการปลอบโยน และความหวังสำหรับทุกคนที่หันมาหาเธอในยามที่ต้องการ ขอให้เธอวิงวอนแทนเรา และนำเราเข้าใกล้พระเยซูเจ้ามากยิ่งขึ้น”
คุณพ่อกาดิซสรุปการสัมภาษณ์โดยเชื้อเชิญผู้คนให้ “ให้เราได้มองพระมารีย์เป็นแม่ของเรา การวิงวอนอันทรงพลังของเธอ ทำให้หลายคนที่ขอความช่วยเหลือได้รับคำตอบจากเธอ อย่าลังเลที่จะเข้าหาเธอ แม่พระจะไม่มีวันทอดทิ้งเรา แม่พระผู้ถูกทอดทิ้ง อธิษฐานเผื่อเรา ขอพระแม่มารีจงเจริญ!”