พระเจ้าไม่สามารถต้านทานเราได้เมื่อเราอธิษฐานภาวนาถึงพระองค์ (The Lord cannot resist us when we pray to Him)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2023 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงปราศรัยกับประชาชน ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน ก่อนทรงนำอธิษฐานภาวนาบททูตสวรรค์แจ้งสาร พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยืนยันว่า
พระเยซูเจ้าไม่สามารถต้านทานเราได้เมื่อเราหันไปหาพระองค์อย่างต่อเนื่องในการอธิษฐานภาวนา และเรียกร้องให้เราทำความเชื่อของเราให้เป็นรูปธรรม โดยรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์
ความเชื่อที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรากับพระเจ้า และในการตระหนักว่าพระองค์ไม่สามารถต้านทานเราได้เมื่อเราสวดอ้อนวอนถึงพระองค์
พระเจ้าทรงรู้สึกประทับใจ เมื่อเราหันไปหาพระองค์ และวางใจในพระองค์ แม้ว่าเราจะ "เร่งเร้า" กับการวิงวอนของเราก็ตาม
โดยจากพระวรสารประจำวันอาทิตย์ พระเยซูเจ้าทรงเผชิญหน้าหญิงชาวคานาอันนอกดินแดนอิสราเอล ซึ่งเรียกร้องให้พระองค์ทรงรักษาเธออย่างแน่วแน่ และด้วยความเชื่ออันยิ่งใหญ่เพื่อลูกสาวของเธอ ที่ถูกผีเข้าสิง
พระเยซูเจ้าตรัสเรียกเธอเพราะความเชื่ออันแน่วแน่ของเธอว่า 'จงสำเร็จตามปรารถนาเถิด' ทันใดนั้น ลูกสาวของเธอหายป่วยทันที
พระเยซูเจ้าไม่สามารถต้านทานคำอธิษฐานภาวนาของเราได้ (Jesus cannot resist our prayers)
พระสันตะปาปาฟังซิสกล่าวว่า พระองค์ทรงพบว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เมื่อได้ยินคำอธิษฐานที่แรงกล้าของผู้หญิงคนนั้น และต้องเผชิญหน้ากับความเชื่อที่แสดงออกมาให้เป็นอย่างเป็นรูปธรรม พระองค์ก็ยิ่งเห็นอกเห็นใจและเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
“นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น พระองค์คือความรัก”
"คนที่รัก ไม่สามารถยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง แต่ปล่อยให้รู้สึกสะเทือนใจ จากการกระทำของบุคคลที่รัก จากนั้นหาวิธีการเปลี่ยนแผนการของพวกเขา" พวกเราที่เป็นคริสตชนควรจะต้องเลียนแบบพฤติกรรมนี้ เช่นเดียวกันที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
สนทนากับพระเยซูเจ้าอย่างตรงไปตรงมา (Frank dialogue with Christ)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพิจารณาถึงท่าทีของสตรีผู้นั้น “เธอไม่มีแนวคิดมากมาย แต่มีการกระทำ” หญิงชาวคานาอันคนนั้น "เข้ามาใกล้พระเยซูเจ้า หมอบกราบ ยืนกราน มีส่วนร่วมในการสนทนาอย่างตรงไปตรงมากับพระเยซูเจ้า และเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างเพียงเพื่อสนทนากับพระองค์"
"นี่คือความเป็นรูปธรรมของความเชื่อ ซึ่งไม่ใช่สัญลักษณ์ทางศาสนา แต่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า"
ความเชื่อของผู้หญิงคนนี้ "ไม่ได้เต็มไปด้วยความกล้าหาญทางเทววิทยา แต่ด้วยความยืนหยัด ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการอธิษฐาน พระเจ้าจึงไม่ทรงขัดขืนเมื่อพระองค์ทรงได้รับคำอธิษฐานภาวนาที่แรงกล้าเช่นนี้"
“นี่คือเหตุผลที่พระองค์ตรัสว่า “จงขอแล้วจะได้ จงแสวงหาแล้วจะพบ เคาะแล้วจะเปิดให้ท่าน'”
ความเชื่อของฉ้นเป็นอย่างไร (What is my faith like?)
ด้วยเหตุนี้ เราควรถามตัวเองสักสองสามข้อ โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในพระเยซูเจ้า โดยการไตร่ตรองว่า "ฉันสามารถเปลี่ยนความคิดเห็นได้หรือไม่? ฉันรู้วิธีที่จะเข้าใจและมีความเห็นอกเห็นใจ หรือฉันยังคงเข้มงวดในจุดยืนของฉันหรือไม่?"
ผู้ที่มีความเชื่อควรถามตัวเองว่า มีความเข้มงวดในใจหรือไม่ และหันไปพิจารณาถึงความเชื่อของผู้หญิงคนนั้น และให้เราถามตัวเองว่า "ความเชื่อของฉันเป็นอย่างไร? ฉันหยุดที่แนวคิดและคำพูด หรือจริง ๆ แล้ว ดำเนินชีวิตด้วยการอธิษฐานภาวนาและการกระทำ? ฉันรู้วิธีสนทนากับพระเจ้าหรือไม่? ฉันยืนกรานที่จะอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน? หรือว่าฉันพอใจที่จะท่องบทสวดอันสวยงามอยู่แค่นั้น?"
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสรุปด้วยการอธิษฐานภาวนา ขอให้พระแม่มารีย์โปรดให้เรา "เปิดใจรับสิ่งที่ดี" และ "มีความเชื่อที่เป็นรูปธรรม"