#คริสตมาสนี้ให้เราคิดถึงแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (At Christmas let us think about the Holy Land)
เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2023 ณ หอประชุมเปาโลที่ 6 นครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพบปะกับกลุ่มนักแสดงในฉากการประสูติของพระเยซูเจ้าที่พระมหาวิหารแม่พระแห่งกรุงโรม (Basilica of St. Mary Major) พระองค์ได้เรียกร้องให้คริสตชนเปลี่ยนความคิดและคำอธิษฐานภาวนาในคริสต์มาสนี้ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทรงแสดงความใกล้ชิดของพระองค์ กับทุกคนที่ทุกข์ทรมานจากสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างฮามาสและอิสราเอล
#ให้เราอธิษฐานภาวนาเพื่อทุกคนที่กำลังทุกข์ทรมานจากสงคราม (Praying for all those suffering the war)
“เรารู้สถานการณ์ที่เกิดจากสงคราม ผลที่ตามมาจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ” สำหรับชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในเบธเลเฮมเช่นกัน คริสต์มาสนี้จะถูกทำเครื่องหมายด้วยความทุกข์ทรมานและความโศกเศร้า โดยไม่มีผู้แสวงบุญและการเฉลิมฉลอง
เนื่องจากความขัดแย้งในฉนวนกาซา และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในเขตเวสต์แบงก์ การท่องเที่ยวในเบธเลเฮมจึงหยุดชะงักและการแสวงบุญถูกระงับ ในขณะที่การเฉลิมฉลองในที่สาธารณะทั้งหมดถูกยกเลิก ส่งผลให้เกิดความยากลำบากเพิ่มเติมสำหรับผู้อยู่อาศัยจำนวนมากซึ่งอาศัยอยู่กับการท่องเที่ยวและการแสวงบุญ “เราไม่ต้องการทิ้งพวกเขาไว้ตามลำพัง” พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัส พร้อมเรียกร้องให้มีการอธิษฐานภาวนา และการสนับสนุนที่จับต้องได้
#ความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ระหว่างเบธเลเฮมและพระมหาวิหารแม่พระองค์แห่งกรุงโรม (The historical connection between Bethlehem and St. Mary Major)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนึกถึงความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดของพระมหาวิหารแม่พระแห่งกรุงโรม กับบ้านเกิดของพระเยซูเ ซึ่งย้อนกลับไปในศตวรรษแรกของศาสนาคริสต์ วัดโรมันคาทอลกโบราณแห่งนี้มีของที่ระลึกล้ำค่าซึ่งประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของรางหญ้าของพระเยซูเจ้าที่นักบุญโซโฟรเนียส (St. Sophronius) ซึ่งขณะนั้นเป็นบิชอปแห่งเยรูซาเล็มส่งมาจากเบธเลเฮม เพื่อมอบให้กับพระสันตปาปาธีโอดอร์ที่ 1 (Pope Theodore I) ในศตวรรษที่ 7 ด้วยเหตุนี้ พระมหาวิหารแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า "เบธเลเฮมแห่งตะวันตก"
#ฉากการประสูติที่มีชีวิตไม่ได้เป็นเพียงข้อเท็จจริงพื้นบ้านเท่านั้น (Living Nativity scenes are not mere folkloric facts)
นอกจากนี้ วัดใต้ดินแห่งการประสูติของพระเยซูเจ้าที่นี่ ครั้งหนึ่งเคยจัดแสดงตุ๊กตารูปฉากการประสูติชิ้นแรกที่รู้จัก ซึ่งแกะสลักโดยอาร์โนลโฟ ดิ กัมบิโอ (Arnolfo di Cambio) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 โดยพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 4 ผู้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้สร้างการประสูติที่ยังมีชีวิตครั้งแรกในเกรชโช (Greccio) อิตาลีเมื่อ 800 ปีก่อน
เมื่อพูดถึงรายละเอียดนี้ ฉากการประสูติที่มีชีวิตต้องไม่ลดเหลือเพียงข้อเท็จจริงพื้นบ้านเท่านั้น จุดประสงค์ของพวกเขาตามที่นักบุญฟรังซิสตั้งใจไว้คือ “จะต้องปลุกความมหัศจรรย์ในใจให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เรื่องพระธรรมล้ำลึกแห่งการรับเอากายของพระเยซูเจ้า”
“นักบุญฟรังซิสต้องการเป็นตัวแทนในชีวิตของการประสูติของพระเยซูเจ้า เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักบวชและผู้คน อารมณ์และความอ่อนโยนต่อพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้าที่ประสูติจากพระนางมารีย์ในคอกม้าและนอนอยู่ในรางหญ้า ไม่ใช่ภาพวาด ไม่ใช่รูปปั้น แต่เป็นคนในเนื้อและเลือด เพื่อเน้นความเป็นจริงของการบังเกิดเป็นมนุษย์”
#ความทุกข์ทรมานที่เบธเลเฮมเป็นบาดแผลที่เปิดกว้างให้กับโลก (Suffering of Bethlehem is an open wound for the world)
ขอให้เราแต่ละคน คิดถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในวันคริสต์มาส ฉากการประสูติที่มีชีวิตในพระมหาวิหารแม่พระแห่งกรุงโรมจะช่วยเตือนเราทุกคนว่า “ความทุกข์ทรมานในเบธเลเฮมเป็นบาดแผลที่เปิดกว้างสำหรับตะวันออกกลางและสำหรับโลกทั้งใบ”
#ก้าวไปกับโป๊ป 423
#chanthaburidiocese