#พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อซูดานทางตอนเหนือของโมซัมบิกกรณีวัดโบสถ์คาทอลิกถูกโจมตี (Pope prays for Sudan, northern Mozambique as Catholic church attacked)
หลังการสวดบททูตสวรรค์แจ้งสาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเรียกร้องให้ผู้นำระดับโลก ผลักดันให้เกิดสันติภาพในซูดานและทางตอนเหนือของโมซัมบิก ที่ซึ่งสำนักงานแพร่ธรรมของคาทอลิกถูกจุดไฟเผา
“ไม่ว่าการต่อสู้จะเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม ผู้คนจะเหนื่อยล้า เบื่อหน่ายกับสงคราม ซึ่งก็ไร้จุดหมายและหาข้อสรุปไม่ได้เช่นเคย และมีแต่ความตาย มีแต่การทำลายล้าง และจะไม่มีวันแก้ปัญหาได้”
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวว่า 10 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นในซูดาน ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรง
“ข้าพเจ้าขอให้ฝ่ายที่ทำสงครามหยุดสงครามครั้งนี้อีกครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อประชาชนและอนาคตของประเทศ ให้เราอธิษฐานภาวนาขอให้พบเส้นทางสู่สันติภาพในไม่ช้าเพื่อสร้างอนาคตของซูดานที่รัก”
#ความทุกข์ยากยังคงดำเนินต่อไปในซูดาน (Violences flares up in northern Mozambique)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ปะทุขึ้นใน “ความรุนแรงต่อประชากรที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน และความไม่มั่นคงที่แพร่หลาย” ในภูมิภาคกาโบ เดลกาโด (Cabo Delgado) ทางตอนเหนือของประเทศโมซัมบิก หน่วยงานคาทอลิกแพร่ธรรมแห่งพระแม่มารีย์แห่งแอฟริกาในเมืองมาเซเซ (Mazeze) ถูกไฟไหม้
ตามคำกล่าวของนายโอลิเวร่า อามิโม่ (Oliveira Amimo) ผู้บริหารเขตชิวเร (Chiúre) ของประเทศโมซัมบิก คนร้ายติดอาวุธได้ทำลายวัดคาทอลิกและบ้านเรือนหลายหลัง
พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า “ให้เราอธิษฐานภาวนาเพื่อสันติภาพจะได้กลับคืนสู่ภูมิภาคที่ถูกทรมานนั้น”
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากความขัดแย้งในเขตอื่น ๆ ในทวีปแอฟริกา เช่นเดียวกับในยูเครนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงตรัสว่าสงคราม "คือความพ่ายแพ้เสมอไป"
“ให้เราอธิษฐานภาวนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะการอธิษฐานภาวนามีประสิทธิผล และให้เราทูลขอพระหรรษทานจากพระเจ้า สำหรับจิตใจและหัวใจที่อุทิศตนเพื่อสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรม”
#ความทุกข์ยากยังคงดำเนินต่อไปในซูดาน (Misery continues in Sudan)
แม้จะมีความพยายามที่จะยุติความขัดแย้งอันโหดร้ายในซูดาน แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปในประเทศ
ซูดานปะทะกันด้วยอาวุธอันโหดร้ายระหว่างกองทัพซูดาน และกองกำลังกึ่งทหาร (Rapid Support Forces หรือ RSF) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 โดยทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันและกันว่าเป็นผู้ริเริ่มความขัดแย้ง
ขณะนี้ กองทัพซูดาน (Sudanese military หรือ SAF) ได้รุกคืบในออมเดอร์มาน (Omdurman) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามกับกองกำลังกึ่งทหารปะทุขึ้น
ออมเดอร์มานถือเป็นเมืองแฝดกับคาร์ทูม (Khartoum) เมืองหลวงของซูดาน ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำไนล์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ผ่านมา รายงานจากประเทศแนะนำว่ากองทัพซูดาน ได้เข้าร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ทางตอนใต้ของเมือง ซึ่งพวกเขาถูกกองกำลังกึ่งทหาร (RSF) ล้อมรอบในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมา
การปะทะในซูดานทำให้ผู้คนมากกว่า 25 ล้านคนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดย 8 ล้านคนถูกบังคับออกจากบ้านของพวกเขา รวมถึง 1.6 ล้านคนที่หนีไปยังประเทศอื่น
#ความพยายามเพื่อสันติภาพ (Peace efforts)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้แทนส่วนตัวของเลขาธิการสหประชาชาติประจำซูดาน นายรัมตาเน ลามัมรา (Ramtane Lamamra) ได้เริ่มความพยายามอีกครั้งเพื่อพยายามยุติการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น
สหประชาชาติกล่าวว่า “พยายามเสริมสร้างการประสานงานพหุภาคีเกี่ยวกับความพยายามทางการเมืองและการไกล่เกลี่ย โดยทำงานเพื่อสนับสนุนและเป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในแอฟริกาและพันธมิตรอื่น ๆ ในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ”
นักการทูตรายนี้เริ่มเดินทางเยือนเมืองหลวงสำคัญ ๆ ในจะงอยแอฟริกา ยุโรป และอ่าวเปอร์เซียในวงกว้างแล้ว เพื่อพยายามเปิดกระบวนการทางการเมืองอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้องค์การสหประชาชาติเคยกล่าวไว้ว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายลงกำลังส่งผลกระทบด้านลบต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลายประเทศกำลังรับมือกับวิกฤตของตนเอง
#ก้าวไปกับโป๊ป 494
#chanthaburidiocese