#บรรดาพระสงฆ์ที่รักขอให้ความโศกเศร้าชำระท่านให้บริสุทธิ์ (Pope at Chrism Mass: Dear priests, let sorrow sanctify you)
ในระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณและพิธีเสกน้ำมันในพระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน ในวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ที่ 28 มีนาคม 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงขอบคุณพระสงฆ์ที่เป็นพยานอย่างกล้าหาญ และเตือนพวกเขาให้เปลี่ยนข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาด และจิตใจที่แข็งกระด้างให้เข้าใกล้พระคริสตเจ้ามากขึ้นและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ดังตัวอย่างของนักบุญเปโตรซึ่งเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของพระศาสนจักร ท่านได้ละสายตาจากพระคริสตเจ้าและปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้ง ท่านสำนึกผิดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาซึ่ง "ไหลอกมาจากหัวใจที่บาดเจ็บ ได้ปลดปล่อยเขาจากความคิดที่ผิด ๆ และความมั่นใจในตนเอง"
“น้ำตาอันขมขื่นเหล่านั้น ได้เปลี่ยนชีวิตของเขา”
"พี่น้องพระสงฆ์ที่รัก การเยียวยาหัวใจของเปโตร การเยียวยาของอัครสาวก การรักษาผู้อภิบาล" เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นทุกข์โศกเศร้าและกลับใจ พวกเขายอมให้ตนเองได้รับการอภัยจากพระเยซูเจ้า" การรักษาของพวกเขาเกิดขึ้นท่ามกลางน้ำตาและการร้องไห้อันขมขื่น ซึ่งนำไปสู่ความรักครั้งใหม่
วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ของปีแห่งการอธิษฐานนี้ ข้าพเจ้า (พระสันตะปาปาฟรังซิส) ตั้งใจที่จะแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับแง่มุมหนึ่งของชีวิตฝ่ายวิญญาณ ซึ่งค่อนข้างถูกละเลยไป แต่ก็ยังมีความสำคัญอยู่ “แม้คำที่ข้าพเจ้าจะใช้จะค่อนข้างล้าสมัย แต่ก็ควรค่าแก่การไตร่ตรอง นั่นก็คือคำว่า “ความเวทนา” (Compunction)
#ความเมตตากรุณาที่เจาะทะลุเข้าไปในหัวใจ (Compunction, a 'piercing of the heart')
คำว่า "ความน่าเวทนา" เกี่ยวข้องกับ "การแทงทะลุหัวใจ" อันเจ็บปวด ซึ่งทำให้เกิดน้ำตาแห่งความสำนึกผิด เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับนักบุญเปโตร ไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ทำให้เราท้อแท้หรือหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกว่าไม่มีค่าควร แต่เป็นการ "แทงทะลุ" ที่เป็นประโยชน์ซึ่งทำให้จิตใจบริสุทธิ์และเยียวยา
เมื่อเราตระหนักถึงบาปของเรา "ใจของเราเปิดรับการทำงานของพระจิตเจ้า ซึ่งเป็นแหล่งน้ำทรงชีวิตที่หลั่งไหลอยู่ภายในตัวเราและทำให้น้ำตาไหล" บรรดาผู้ที่เต็มใจที่จะ “เปิดโปง” และปล่อยให้การจ้องมองของพระเจ้าทะลุหัวใจของพวกเขา จะได้รับของขวัญเป็นน้ำตาเหล่านั้น ซึ่งเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สุดหลังจากการรับศีลล้างบาป
แต่เราต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่าการร้องไห้เพื่อตัวเราเองหมายความว่าอย่างไร
“มันไม่ได้หมายถึงการร้องไห้เพราะความเวทนาตนเอง ดังที่เรามักถูกล่อใจให้ทำ” แต่ "หมายถึงการกลับใจอย่างจริงจังที่ทำให้พระเจ้าเสียใจด้วยบาปของเรา โดยตระหนักว่าเรายังคงเป็นหนี้ของพระเจ้าอยู่เสมอ โดยยอมรับว่าเราได้หลงจากเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์และความซื่อสัตย์เหินห่างไปจากความรักของผู้ที่สละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา"
#กลับใจจากความอกตัญญูและความไม่มั่นคงของเรา (Repenting of our ingratitude and inconstancy)
ประสบการณ์เช่นนี้หมายถึง "การมองเข้าไปสู่ภายในและกลับใจจากความอกตัญญูและความไม่มั่นคงของเรา" และ "การยอมรับด้วยความเสียใจในความซ้ำซ้อน ความไม่ซื่อสัตย์ และความหน้าซื่อใจคดของเรา"
จงหันสายตาของเรากลับไปที่พระเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขนอีกครั้ง และปล่อยให้ตัวเราสัมผัสได้ถึงความรักของพระองค์ ซึ่งให้อภัยและลุกขึ้นอยู่เสมอ พระองค์ตรัสว่า "ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับความไว้วางใจของผู้ที่หวังในพระองค์"
น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเรา “ลงมาเพื่อชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์” แม้ว่าการประสานจะต้องใช้ความพยายาม แต่ก็ทำให้เกิดสันติสุข
“มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรามีความวิตกกังวล แต่เป็นการรักษาจิตวิญญาณ เพราะมันทำหน้าที่เป็นยารักษาบาดแผลของบาป เตรียมเราให้พร้อมรับการกอดรัดของแพทย์จากสวรรค์ ผู้เปลี่ยนแปลง “ผู้ที่มีใจแตกสลาย ใจที่สำนึกผิด” กลับกลายให้อ่อนลงด้วยน้ำตา”
#การเป็นเหมือนกับเด็ก ๆ (Becoming like children)
บรรดาอาจารย์ด้านชีวิตฝ่ายจิต ยืนยันถึงความสำคัญของความเวทนา การฟื้นฟูภายในทั้งหมดเกิดจากการเผชิญหน้ากัน ระหว่างความทุกข์ยากของมนุษย์กับความเมตตาของพระเจ้า และพัฒนาผ่านความยากจนแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งช่วยให้พระจิตเจ้าเติมเต็มเรา
“พี่น้องพระสงฆ์ ให้เรามองดูตัวเองและถามตัวเองว่า ความเวทนาและน้ำตามีส่วนอย่างไรในการตรวจสอบมโนธรรมและการอธิษฐานภาวนาของเรา” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวันเวลาผ่านไปหลายปี น้ำตาของเราจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรืออย่างไร
ยิ่งเราอายุมากขึ้น เราก็ยิ่งร้องไห้น้อยลง แต่เราถูกเรียกร้องให้เป็นเหมือนเด็ก ๆ แทน เพราะเด็ก ๆ ง่ายที่จะร้องไห้ “ถ้าเราล้มเหลวที่จะร้องไห้ (ไม่สำนึกผิดและกลับใจ) เราจะถดถอยลงและเหี่ยวเฉาภายใน” ในขณะที่ “บรรดาผู้ที่อธิษฐานภาวนาจนกลายเป็นเรื่องเรียบง่ายและลึกซึ้ง มีพื้นฐานอยู่ในความรักและความลึกซึ้งต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า พวกเขาจะเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจะยึดติดกับตัวเองน้อยลงและผูกพันกับพระคริสตเจ้ามากขึ้น”
#การยึดติดกับพระคริสตเจ้า (Attachment to Christ)
บรรดาผู้ที่ถวายตนเองแด่พระเจ้า จงพิจารณาถึงบาปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักร และกลายเป็นผู้ที่วิงวอนขอแทนทุกคน
ในอีกมุมมองหนึ่งความน่าเวทนา “ใจที่อ่อนโยนและได้รับการปลดปล่อยโดยจิตวิญญาณของบุญลาภ มีแนวโน้มที่จะฝึกการเข้าใจผู้อื่นโดยธรรมชาติ แทนที่จะรู้สึกโกรธและอื้อฉาวต่อความล้มเหลวของพี่น้องชายหญิงของเรา หัวใจกลับร่ำไห้เพราะบาปของพวกเขา" บรรดาผู้ที่ถวายตนเองแด่พระเจ้า จงพิจารณาถึงบาปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักร และกลายเป็นผู้ที่วิงวอนขอแทนทุกคน
#พยานผู้กล้าหาญในศาสนจักร (Heroic witnesses in the Church)
“มีพยานที่กล้าหาญสักกี่คนในพระศาสนจักร ได้แสดงให้เราเห็นเช่นนี้!”
“ให้เราได้นึกถึงบรรดานักพรตแห่งทะเลทรายทั้งตะวันออกและตะวันตก ที่อธิษฐานภาวนาอย่างต่อเนื่องด้วยการคร่ำครวญและน้ำตา เช่น นักบุญเกรกอรีแห่งนาเร็ก (Saint Gregory of Narek) คณะฟรังซิสกัน ได้อธิษฐานภาวนาเพื่อความรักที่ไม่สมหวัง และพระสงฆ์จำนวนมากเช่นเดียวกับนักบุญคุณพ่อยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ (St. John Marie Vianney) ที่ดำเนินชีวิตแห่งการพลีกรรมเพื่อความรอดของผู้อื่นอื่น "นี่ไม่ใช่บทกวี แต่เป็นความเป็นสงฆ์!"
พระสันตะปาปาฟรังทรงตรัสกับบรรดาพระสงฆ์ว่า พระเจ้าทรงต้องการอะไรจากเราที่เป็นนายชุมพาบาลของพระองค์ ไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นความรัก "และน้ำตาให้กับผู้ที่หลงทาง" หากใจของพวกเรารู้สึกสมเพช อย่าตอบโต้ด้วยการลงโทษ แต่ด้วยความพากเพียรและความเมตตา
“ช่างยิ่งใหญ่เพียงใด หากเราต้องหลุดพ้นจากความโหดร้ายและการกล่าวโทษ ความเห็นแก่ตัวและความทะเยอทะยาน ความเข้มงวดและความคับข้องใจ เพื่อที่จะมอบความไว้วางใจอย่างเต็มที่ต่อพระเจ้า และเพื่อค้นหาความสงบที่ปกป้องเราจากพระองค์ พายุที่โหมกระหน่ำอยู่รอบตัวเรา!”
“ให้เราอธิษฐาน วิงวอน และหลั่งน้ำตาเพื่อผู้อื่น ด้วยวิธีการนี้ เราจะยอมให้พระเจ้าทำการอัศจรรย์ของพระองค์ และอย่ากลัวเลย เพราะพระองค์จะทำให้เราประหลาดใจอย่างแน่นอน!”
#พระหรรษทานที่ต้องแสวงหาในการอธิษฐานภาวนา (A grace, to be sought in prayer)
ความน่าเวทนาไม่ใช่งานของเรามากนัก แต่เป็นพระหรรษทานที่เราต้องแสวงหาในการอธิษฐานภาวนา หันมาสู่การกลับใจ ซึ่งเป็นของขวัญจากพระเจ้าและงานของพระจิตเจ้า "ให้เราหยุดมองชีวิตและกระแสเรียกของเราในแง่ของประสิทธิภาพและประสิทธิผล และจมอยู่กับความต้องการและความคาดหวังในปัจจุบัน ให้เรามองสิ่งต่าง ๆ โดยมองข้ามขอบฟ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าของอดีตและอนาคตแทน"
ประการแรก พระองค์ทรงกระตุ้นให้พวกเขาพิจารณาอดีตโดย "ระลึกถึงความจงรักภักดีของพระเจ้า คำนึงถึงการให้อภัยของพระองค์และปักหลักอยู่ในความรักของพระองค์" และอนาคต "โดยมองไปที่เป้าหมายนิรันดร ที่เราเรียกว่าเป็นจุดประสงค์สูงสุดในชีวิตของเรา" การขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของเราจะช่วยขยายใจของเรา ใช้เวลากับพระเจ้า และมีประสบการณ์ในความเห็นอกเห็นใจ
ประการที่สอง ให้พระสงฆ์ค้นพบความจำเป็นในการปลูกฝังการอธิษฐานภาวนาอีกครั้ง "ซึ่งไม่ใช่การบังคับหรือทางเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ แต่เป็นการเลือกอย่างอิสระ สงบ และยาวนาน" ให้เรากลับไปสู่การนมัสการและการอธิษฐานภาวนาด้วยหัวใจของเรา
#พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าโปรดทรงเมตตาข้าพเจ้าคนบาปด้วยเทอญ ('Jesus, Son of God, have mercy on me, a sinner')
“ให้เราสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแม้ในขณะที่เราใคร่ครวญถึงความบาปของเราเอง และเปิดใจรับพลังแห่งการเยียวยาจากการจ้องมองของพระองค์” สิ่งนี้จะทำให้พระสงฆ์สามารถ “ค้นพบภูมิปัญญาของพระศาสนจักรซึ่งเป็นมารดาศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครั้ง ในการอธิษฐานภาวนา ตามคำพูดของผู้ยากจนที่ร้องว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าด้วย!”
เมื่อกลับมาหานักบุญเปโตรและน้ำตาของท่าน "พระแท่นบูชาที่เราเห็นเหนือหลุมศพของท่านนักบุญเปโตร ทำให้เรานึกถึง 2 เหตุการณ์พร้อมกัน คือ 1) เวลาพวกเราถวายบูชาขอบพระคุณประจำวันและกล่าวว่า 'จงรับสิ่งนี้ไปกินให้ทั่วกันเถิด นี่คือกายของเราที่จะมอบเพื่อท่าน' และ 2) การสำนึกผิดของนักบุญเปโตรด้วยน้ำตาของท่าน ท่านได้ทำให้ผู้ที่รักเราอย่างมาก (พระเยซูเจ้า) ผิดหวังและเสียใจมากจนทำให้มือของเราเป็นเครื่องมือในการสถิตอยู่ของพระองค์ (ในศีลมหาสนิท)"
“ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่เราจะสวดบทเสกศีลมหาสนิทนั้น ให้เราสวดอย่างเงียบ ๆ ว่า 'ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยจิตใจที่ถ่อมตนและจิตใจที่สำนึกผิด ขอพระองค์ทรงยอมรับข้าพเจ้า' และ 'ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงชำระข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วช้า และชำระข้าพเจ้าให้พ้นจากบาปด้วยเทอญ'” ถ้าใจใครแตกสลาย พระเยซูเจ้าทรงสามารถประสานและรักษามันได้อย่างแน่นอน
#ขอบคุณพระสงฆ์ที่เคารพรัก (Thank you, dear Priests)
“ขอบคุณ พระสงฆ์ที่รัก สำหรับหัวใจที่เปิดกว้างและเชื่อฟังของคุณ … การทำงานหนักและน้ำตาของคุณ” และ “เพราะคุณนำอัศจรรย์แห่งความเมตตาของพระเจ้าไปสู่พี่น้องของเราในโลกยุคปัจจุบัน" ขอให้พระเจ้าทรงปลอบใจ เสริมสร้างกำลัง และให้รางวัลแก่พระสงฆ์ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์
#ก้าวไปกับโป๊ป 520 #PopeatChrismMass
#chanthaburidiocese