#การฟื้นคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้านำมาซึ่งความสุขอันยิ่งใหญ่และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา (Lord's Resurrection brings immense joy, transforms our lives)
ในวันจันทร์หลังวันอาทิตย์ปัสกาที่ 1 เมษายน 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำสวดบทราชินีสวรรค์ (Regina Coeli) และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่มีความเชื่อในจัตุรัสนักบุญเปโตร ด้วยการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า ชีวิตของเราเปลี่ยนไปตลอดกาลและสมบูรณ์ และเราจะต้องเป็นพยานที่ชื่นชมยินดีของพระองค์
"การฟื้นคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นเพียงข่าวที่น่าอัศจรรย์หรือการสิ้นสุดของเรื่องราวอย่างมีความสุข แต่ยังเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราโดยสิ้นเชิงและตลอดไป..."
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้รับแรงบันดาลใจจากพระวรสารประจำวัน ตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิวที่บรรยายถึงบรรดาสตรีที่พบกับพระเยซูเจ้าที่อุโมงค์ว่างเปล่า
พระองค์ทรงตรัสว่าความสุขที่เกิดจากการเผชิญหน้ากับองค์พระผู้ทรงฟื้นคืนพระชนมชีพคือ “ความรู้สึกอันทรงพลัง” ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขากระจายข่าวออกไป และบอกเล่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
#แบ่งปันความสุข (Sharing joy)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยืนยันว่า การแบ่งปันความยินดีในตัวมันเองนั้นเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ซึ่งเราเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย “ลองคิดถึงเด็กที่ได้คะแนนดีที่โรงเรียนและแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงให้พ่อแม่เห็น หรือคนหนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬาเป็นครั้งแรก หรือครอบครัวที่มีเด็กเกิดมา แม้จะบรรยายเป็นคำพูดได้ยาก แต่เราอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังทันที!"
ความปีติที่บรรดาสตรีประสบในเช้าวันปัสกา เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าและมีพลังมาก เนื่องจากการฟื้นคืนพระชนมชีพไม่ได้เป็นเพียง “ข่าวอันน่าอัศจรรย์หรือการจบเรื่องอย่างมีความสุข แต่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเราโดยสิ้นเชิง และตลอดไป!"
“มันเป็นชัยชนะของชีวิตเหนือความตาย” และ “ความหวังเหนือความสิ้นหวัง” เช่นเดียวกับอำนาจของการประทับอยู่ของพระเจ้าเพื่อเติมเต็มทุกสิ่งด้วยแสงสว่าง
#เราก็สามารถพบกับผู้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพได้เช่นกัน (We too can meet the Risen One)
“กับพระองค์ ทุกวันกลายเป็นก้าวหนึ่งในการเดินทางนิรันดร ทุกคน 'วันนี้' สามารถมีความหวังสำหรับ 'พรุ่งนี้' ทุกจุดสิ้นสุดเป็นการเริ่มต้นใหม่ ทุกชั่วขณะถูกกำหนดให้ให้ขยายออกไปเกินกว่าความจำกัดของขอบเขตของเวลาไปสู่นิรันดร"
ความปีติแห่งการกลับฟื้นคืนพระชนมชีพไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ใกล้ตัว และเป็นของเราแทน เพราะมันประทานแก่เราในวันรับศีลล้างบาป “ตั้งแต่นั้นมา เราก็เหมือนกับบรรดาสตรีเช่นกัน เราสามารถพบกับพระผู้ฟื้นคืนพระชนมชีพได้ และพระองค์ตรัสกับเรา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทำกับพวกเขาคือ 'อย่ากลัวเลย!'”
#อย่าละทิ้งความสุขของเทศกาลปัสกา (Never give up the joy of Easter)
“หากพระเยซูเจ้าผู้ทรงพิชิตบาป ความกลัวและความตาย ทรงบอกเราไม่ให้กลัว ก็อย่าให้เรากลัว อย่าให้เราใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง อย่าละทิ้งความชื่นชมยินดีในเทศกาลปัสกา!
ในทางตรงกันข้าม เราต้อง 'เติม' ความยินดีที่เรามีในพระเยซูเจ้า "ผู้ทรงเป็นแรงขับเคลื่อนของชีวิต" เช่นเดียวกับที่บรรดาสตรีได้กระทำ โดยการ "เผชิญหน้ากับพระองค์ผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ เพราะพระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความปีติยินดียินดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
ด้วยเหตุนี้ “ให้เราเร่งแสวงหาพระองค์ในศีลมหาสนิท ในการให้อภัย ในการอธิษฐานภาวนา และในความรักความเมตตาที่มีชีวิต!”
“และอย่าลืมว่าความปีติยินดีของพระเยซูเจ้าเติบโตขึ้นในอีกทางหนึ่ง ขณะที่บรรดาสตรีแสดงให้เราได้เห็นอีกครั้ง โดยการประกาศพระองค์และเป็นพยานถึงพระองค์ เพราะความยินดีเมื่อแบ่งปันก็จะเติบโตขึ้น”
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสรุปด้วยการอธิษฐานภาวนาว่า "ขอให้พระนางมารีย์พรหมจารีผู้ชื่นชมยินดีในพระบุตรผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพในวันปัสกา โปรดช่วยให้เราเป็นพยานที่ชื่นชมยินดีด้วยเทอญ"
#ก้าวไปกับโป๊ป 524 #popeatreginacoeli
#chanthaburidiocese