#กฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น (Vatican releases new norms on alleged supernatural phenomena)
เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2024 สมณสภาเพื่อข้อความเชื่อ (Dicastery for the Doctrine of the Faith) ได้เผยแพร่กฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับกรณีของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ได้รับรายงาน ตามกฎแล้ว ทั้งบิชอปท้องถิ่นและสันตะสำนักจะไม่ประกาศว่าปรากฏการณ์เหล่านี้มีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติ แต่จะอนุญาตและส่งเสริมความเชื่อและการแสวงบุญเท่านั้น กฎเกณฑ์นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 ซึ่งเป็นวันสมโภชพระจิตเจ้าเป็นต้นไป
เอกสารนี้เริ่มต้นด้วยคำกล่าวของพระคาร์ดินัล วิกเตอร์ มานูเอล เฟอร์นันเดซ (Cardinal Víctor Manuel Fernández) สมณมนตรีของสมณสภาฯ ตามด้วยคำนำ และข้อสรุปที่เป็นไปได้ 6 ประการ ขั้นตอนนี้ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นในขณะที่เคารพศรัทธาประชานิยมขอประชาชน (popular devotion/popular piety)
ตามกฎแล้ว อำนาจของพระศาสนจักร จะไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดลักษณะเหนือธรรมชาติของปรากฏการณ์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจต้องใช้เวลาจำนวนมากในการศึกษาเหตุการณ์อย่างละเอียด
กฎเกณฑ์ใหม่อีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนของสมณสภาฯ ซึ่งต้องอนุมัติการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของบิชอปประจำท้องถิ่น และมีอำนาจเข้าแทรกแซง (Motu proprio) ได้ตลอดเวลา
หลายกรณีในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับสำนักงานของสมณสภาฯ ในอดีต แม้ว่าบิชอปแต่ละคนจะยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงมักจะอยู่เบื้องหลังและไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
การมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนครั้งใหม่ของสมณสภาฯ ยังเกี่ยวข้องกับความยากลำบากในการกำหนดขอบเขตปรากฏการณ์ ซึ่งในบางกรณีไปถึงมิติระดับชาติและระดับโลก “หมายความว่าการตัดสินใจในสังฆมณฑลหนึ่งจะส่งผลที่ตามมาในที่อื่น ๆ ด้วย”
#เหตุผลสำหรับบรรทัดฐานใหม่ (Reasons for the new norms)
เอกสารดังกล่าวมาจากประสบการณ์อันยาวนานของศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเห็นกรณีที่บิชอปท้องถิ่น หรือบิชอปของภูมิภาค ได้ประกาศอย่างรวดเร็วถึงการรับรองปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ แต่มีแค่เพียงสมณสภาฯ เท่านั้น ที่มีอำนาจตัดสินใจรับรองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังมีอีกหลายกรณีที่บิชอปท้องถิ่นรับรองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้สืบทอดตำแหน่งของท่านมีความคิดเห็นในทางตรงกันข้าม
แต่ละเหตุการณ์ยังต้องใช้ระยะเวลาในการไตร่ตรองที่ยาวนาน ในการประเมินองค์ประกอบทั้งหมด เพื่อที่จะตัดสินใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกว่า ไม่ทันต่อการตอบสนองทางด้านงานอภิบาลในทันทีเพื่อความดีของบรรดาผู้ที่มีความเชื่อ
สมณสภาฯ ได้เริ่มแก้ไขกฎเกณฑ์นี้ในปี 2019 ซึ่งนำไปสู่เอกสารในปัจจุบันที่ได้รับการอนุมัติจากพระสันตะปาปาฟรังซิสเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา
#ผลฝ่ายวิญญาณและข้อควรระมัดระวัง (Spiritual fruits and risks)
พระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซอธิบายว่า “หลายครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่ความสมบูรณ์พูนผลทางวิญญาณ การเติบโตในความเชื่อ การอุทิศตน ภราดรภาพ และการรับใช้ ในบางกรณี สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดวิหารทั่วโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความเชื่ออันเป็นที่นิยมของผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน”
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า “ในบางเหตุการณ์ที่มีการกล่าวอ้างว่า มีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติ” อาจเกิดปัญหาร้ายแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีความเชื่อเกิดขึ้น ซึ่งไปเกี่ยวข้องกับ “การแสวงหาผลกำไร อำนาจ ชื่อเสียง การยอมรับทางสังคม หรือผลประโยชน์ส่วนตัวอื่น ๆ” (II, ข้อ 15, 4°) ยิ่งไปกว่านั้น อาจเป็นการ “พยายามควบคุมผู้คนหรือล่วงละเมิดผู้อื่น” (II ข้อ 16)”
อาจมี “ข้อผิดพลาดด้านหลักคำสอน การทำให้พระวรสารดูเหมือนว่าเรียบง่ายเกินไป หรือการเผยแพร่แนวคิดเรื่องนิกายใหม่ ๆ” มีความเป็นไปได้ที่ผู้ที่มีความเชื่อ “จะถูกหลอกโดยเหตุการณ์ที่มีสาเหตุมาจากความคิดริเริ่มอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพียงเพราะเกิดขึ้นจากจินตนาการของใครบางคน ความปรารถนาในสิ่งแปลกใหม่ แนวโน้มที่จะสร้างเรื่องเท็จ (เทพนิยาย) หรือการโน้มเอียงไปสู่การโกหก”
#แนวทางทั่วไป (General guidelines)
ตามกฎเกณฑ์ใหม่ พระศาสนจักรจะปฏิบัติหน้าที่แห่งการไตร่ตรองตามสิ่งต่อไปนี้:
“1) มีสัญญาณของการกระทำอันศักดิ์สิทธิ์สามารถยืนยันได้ในปรากฏการณ์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติหรือไม่;
2) มีสิ่งใดที่ขัดแย้งกับความเชื่อและศีลธรรมในงานเขียนหรือข้อความของผู้ที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
3) อนุญาตให้ชื่นชมผลทางจิตวิญญาณของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการชำระให้บริสุทธิ์จากองค์ประกอบที่เป็นปัญหาหรือไม่ หรือว่าผู้ที่มีความเชื่อควรได้รับการเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่
4) เป็นการสมควรหรือไม่ที่เจ้าหน้าที่ของพระศาสนจักร (พระสงฆ์) ผู้มีอำนาจจะตระหนักถึงคุณค่าทางอภิบาลของตน” (1, 10)
อย่างไรก็ตาม “ไม่ได้เป็นการระบุว่า ผู้ที่มีอำนาจใจพระศาสนจักรต้องรับรองหรือเห็นชอบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทุกกรณีเสมอไป” (I, 11)
ดังนั้น ตามกฎแล้ว “ทั้งบิชอปของสังฆมณฑล หรือสภาบิชอป หรือสมณสภาฯ จะไม่ประกาศรับรองว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ว่ามีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง แม้ว่าจะได้รับการรับรองว่าไม่มีอะไรขัดขวางหรือตรงกันข้ามกับความเชื่อ (Nihil obstat) ก็ตาม ซึ่งต้องรอการประกาศจากพระสันตะปาปาก่อนทุกกรณี” (1, 23)
#ข้อสรุปที่เป็นไปได้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ถูกอ้างถึง (Possible conclusions regarding an alleged phenomenon)
การแยกแยะปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ถูกกล่าวหาอาจมีข้อสรุป 6 ประการ ได้ดังต่อไปนี้
1. #ไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรค (Nihil Obstat) โดยไม่ต้องมีการรับรองใด ๆ เกี่ยวกับความถูกต้องของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น แต่มีสัญญาณหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผลมาจากพระจิตเจ้า บิชอปท้องถิ่นได้รับการสนับสนุนให้ชื่นชมคุณค่าของการอภิบาลและส่งเสริมการเผยแพร่ปรากฏการณ์นี้ รวมถึงการแสวงบุญ
2. #ควรนำมาซึ่งการไตร่ตรอง (Prae oculis habeatur) แม้ว่าสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญจะได้รับการยอมรับ แต่ก็มีบางอย่างยังคงอยู่ในความสับสนหรือมีความเสี่ยงบางประการที่อาจเป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งกำหนดให้บิชอปของสังฆมณฑลต้องมีส่วนร่วมในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และสนทนากับผู้รับประสบการณ์ทางวิญญาณที่ได้รับ หากมีงานเขียนหรือข้อความ อาจจำเป็นต้องมีการชี้แจงหลักคำสอน
3. #ภัณฑารักษ์/ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์/ผู้ดูแลทรัพย์สมบัติ (Curatur) ในกรณีที่ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติได้แพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางแล้ว และเกิดผลทางจิตวิญญาณที่ตรวจสอบได้ซึ่งเกิดขึ้นจากปรากฎการณ์ดังกล่าว ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ห้ามซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มีความเชื่อไม่พอใจ แต่บิชอปท้องถิ่นควรพิจารณาถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต่อไป
4. #คำสั่งย่อย (Sub mandato) ประเด็นสำคัญไม่ได้เชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เกี่ยวข้องกับการใช้งานที่ไม่เหมาะสมโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เช่น การได้รับผลประโยชน์ทางการเงินเกินควร หรือการกระทำที่ผิดศีลธรรม สันตะสำนักจะมอบหมาย/แต่งตั้งให้บิชอปประจำสังฆมณฑล หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำด้านการอภิบาล ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งโดยเฉพาะ
5. #ข้อห้ามและอุปสรรค (Prohibetur et obstruatur) แม้จะมีองค์ประกอบเชิงบวกเกิดขึ้นหลายประการ แต่ก็มีประเด็นสำคัญและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นร้ายแรงด้วยเช่นกัน สมณสภาขอให้บิชอปท้องถิ่นเสนอคำสอนที่จะช่วยให้ผู้ที่มีความเชื่อเข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจ และปรับประเด็นทางจิตวิญญาณของพวกเขาให้ถูกต้อง
6. #ประกาศว่าไม่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ (Declaratio de non supernaturalitate) สมณสภาฯ อนุญาตให้บิชอปท้องถิ่นประกาศว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวพบว่าไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติโดยอาศัยข้อเท็จจริงและหลักฐานที่เป็นรูปธรรม เช่น คำสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาว่ามีวิสัยทัศน์ หรือคำให้การที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการปรากฏการณ์เท็จที่เกิดขึ้น
#ขั้นตอนการปฏิบัติตาม (Procedures to follow)
กฎเกณฑ์ใหม่จะระบุขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ขึ้นอยู่กับบิชอปสังฆมณฑลที่จะตรวจสอบคดีต่าง ๆ และส่งคำตัดสินให้สมณสภาฯ อนุมัติ ขอให้บิชอปสังฆมณฑลงดเว้นจากการประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับความถูกต้องของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีความสับสน หรือความรู้สึกที่เกินจริง
หากองค์ประกอบของกรณีนี้ “ดูเหมือนเพียงพอ” บิชอปสังฆมณฑลจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งควรจะประกอบด้วยนักเทววิทยาอย่างน้อยหนึ่งคน นักกฎหมายพระศาสนจักรหนึ่งคน และผู้เชี่ยวชาญอีกหนึ่งคนที่ได้รับเลือกตามลักษณะของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
#กฎเกณฑ์ด้นบวกและด้านลบ (Positive and negative criteria)
เอกสารดังกล่าวได้วางกฎเกณฑ์เชิงบวกหลายประการเพื่อประเมินปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น
ได้แก่ “ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงที่ดีของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้ได้รับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์นั้น ตลอดจนชื่อเสียงของพยานที่ได้รับฟัง...; เนื้อแท้ของหลักคำสอนที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์และข้อความใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลักษณะที่ไม่อาจคาดเดาได้ของปรากฏการณ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นผลมาจากความคิดริเริ่มของประชาชนที่เกี่ยวข้อง และผลของชีวิตคริสตชน” (II, 14)
เกณฑ์เชิงลบเกี่ยวข้องกับ “ความเป็นไปได้ของข้อผิดพลาดอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์; ข้อผิดพลาดด้านหลักคำสอนที่อาจเกิดขึ้น...; จิตวิญญาณแห่งนิกายใหม่ที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในพระศาสนจักร การแสวงหาผลกำไร อำนาจ ชื่อเสียง การยอมรับทางสังคม หรือผลประโยชน์ส่วนตัวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับงานดังกล่าวอย่างเปิดเผย การกระทำที่ผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง…; การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาหรือแนวโน้มทางจิตในบุคคลที่อาจมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ถูกกล่าวหา และโรคจิต และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่สามารถสืบย้อนไปถึงบริบททางพยาธิวิทยา” (II, 15)
ท้ายที่สุด “การใช้ประสบการณ์เหนือธรรมชาติ หรือองค์ประกอบลึกซึ้งที่อ้างว่าเป็นวิธีการหรือข้ออ้างในการพยายามควบคุมผู้คนหรือล่วงละเมิดบุคคลอื่น” (II, 16) ถือเป็นความผิดทางศีลธรรมโดยเฉพาะ
โดยไม่คำนึงถึงการตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่ได้รับอนุมัติ บิชอปสังฆมณฑล “ต้องเฝ้าดูปรากฏการณ์นี้และผู้คนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยใช้อำนาจตามปกติของท่าน” (II, 24)
#ก้าวไปกับโป๊ป 571
#chanthaburidiocese