พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงพบนายนิโคส อานาสทาเซียเดส (Nikos Anastasiades) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐไซปรัส ผู้นำท้องถิ่น โดยทรงยกย่องประเทศไซปรัสว่าเป็น ชุมทางแห่งอารยธรรมต่างๆ (crossroads of civilizations)
นายอานาทาเซียเดส ได้กล่าวขอบคุณพระสันตะปาปาฟรังซิสสำหรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ สำหรับประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กึ่งกลางระหว่างอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก เป็นดินแดนที่มีสันติสุขและเปิดต้อนรับคนทุกชาติทุกภาษา และให้ความร่วมมือกับกิจการต่าง ๆ ของสันตะสำนัก โดยเฉพาะงานด้านการส่งเสริมและการเสวนาเพื่อสันติภาพในระดับโลก
ไข่มุกในหัวใจของเมดิเตอร์เรเนียน (A pearl in the heart of the Mediterranean)
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวว่า เกาะไซปรัสมีความสำคัญในยุคแรกเริ่มแห่งการประกาศพระวรสาร ตั้งแต่สมัยที่นักบุญเปาโล บาร์นาบัส และนักบุญมาระโกได้เดินทางมาถึงที่นี่ ดังนั้น เกาะไซปรัสจึงมีความงดงามเปรียบได้กับเป็นไข่มุกในหัวใจของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่หล่อหลอมไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลายของชนชาติต่าง ๆ ผ่านระยะเวลาอันยาวนานจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ความหวังอันแรงกล้าเพื่อสันติภาพ (A fervent hope for peace)
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกาะไซปรัสได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องการความหวังอย่างมากสำหรับการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ด้วยความอดทนและการเสวนาด้วยความสุภาพ (Dialogue) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องและรักษาวัฒนธรรมและศาสนา
ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Workshop of peace in the Mediterranean)
เพื่อที่จะทำให้เกิดสันติภาพ การเสวนาจำเป็นที่จะต้องก้าวข้ามความสงสัยและความขุ่นเคืองใจ เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าจำเป็นที่จะต้องสร้างโลกที่เต็มไปด้วย สันติภาพ,ความร่วมมือ,และความเหนียวแน่น ดังเช่นทะเลที่ทำให้ชายแดนหรือชายหาดทั้งหมดได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยปราศจากการแบ่งแยก เกาะไซปรัส ได้เป็นบทบาทนี้ ในการเป็นสะพานเชื่อมโยงสันติภาพให้เกิดขึ้นของประเทศที่อยู่ล้อมรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ความกล้าหาญและความกระตือรือร้นเพื่อสันติภาพ (Courage and enthusiasm for peace)
สันติสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากบุคลิกที่ยิ่งใหญ่ แต่เกิดจากความมุ่งมั่นในแต่ละวันที่ธรรมดาของพี่น้องชายและหญิงทุกคน ความกล้าหาญและความกระตือรือร้นเพื่อสันติภาพต้องการการกลับใจและความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะทำลายกำแพงแห่งความหวาดกลัว โดยไม่มุ่งสร้างแต่ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจหรือทางวัตถุเพียงอย่างเดียว
ขอให้ประเทศไซปรัสได้มองไปยังอดีตของตนเองในการเป็นผู้ที่พบปะและให้การต้อนรับผู้คนต่าง ๆ และไตร่ตรองถึงผลและความอดทนที่เกิดขึ้น เพื่อการมุ่งไปสู่การสร้างสังคมที่ร่ำรวยไปด้วยการบูรณาการทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่าและทำให้ค้นพบความสดใสที่หายไปอีกครั้ง