ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าปลุกจิตสำนึกของเรา
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงร่วมสวดภาวนาร่วมกับผู้นำคริสตชนนิกายต่าง ๆ (คริสตสัมพันธ์ หรือ Ecumenical Prayer) ในวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม A.D.2021 ร่วมกับบรรดาผู้อพยพ ด้วยการไตร่ตรองความฝันเรื่อง #โลกแห่งสันติสุขของพระเจ้า ที่บรรดาบุตรของพระองค์อยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง อาศัยการดำเนินชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน พระเจ้ากำลังเปิดเผยพระอาณาจักรของพระองค์ อาณาจักรแห่งความรัก ยุติธรรม และสันติสุข แก่บรรดาผู้ต่ำต้อยทั้งหลาย
ไม่มีใครเป็นคนแปลกหน้าอีกต่อไป (No longer strangers)
ตัวแทนผู้อพยพ 4 คน จากที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวของพวกเขา การเป็นประจักษ์พยานถึงอัตลักษณ์ รอยแผลแห่งความเกลียดชังที่พวกเขาได้รับ การเดินทาง และความฝันของพวกเขา พระสันตะปาปากล่าวว่า พวกเราได้เข้าใจดีขึ้นถึงพลังของการทำนายแห่งพระวาจาของพระเจ้าจากผู้ที่ได้พูดกับเรา พวกคุณไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าหรือตัวประหลาดอีกต่อไป แต่พวกท่านเป็นพลเมืองของบรรดานักบุญ และเป็นสมาชิกในบ้านของพระเจ้า
กระจกเงาของบรรดาคริสตชน (A mirror for Christians)
พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงตรัสว่า เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ เปรียบได้กับกระจกเงาที่ถูกยกขึ้นเพื่อส่องพวกเราเอง สำหรับชุมชนแห่งความเชื่อ ได้เตือนพวกเราและถามถึงอัตลักษณ์ของความเป็นคริสตชนของพวกเราว่า ความเกลียดชังเปรียบได้กับคุกที่กักกันพวกเราจากความเป็นคริสตชน เราจะต้องเดินจากจุดแห่งความขัดแย้งเพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และนี่เอง พระเจ้าได้ตรัสกับเราถึงความฝันของพระองค์
พระเจ้าไม่ขอให้เราพึงพอใจกับโลกที่แตกแยก หรือกลุ่มคริสตชนที่ขัดแย้งกัน แต่ปรารถนาให้เดินทางไปในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติที่ถูกนำหน้าด้วยความฝันของพระองค์ ความฝันที่มนุษย์ชาติจะทำลายกำแพงแห่งการแตกแยก ปราศจากความเกลียดชัง ที่ซึ่งไม่มีใครรู้สึกว่าตนเองเป็นคนแปลงหน้า แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกันกับคนอื่น
ห้องปฏิบัติการแห่งความเป็นพี่น้องกัน (Becoming a workshop of fraternity)
เกาะไซปรัสเป็นดังเครื่องหมายแห่งการแบ่งแยกที่เจ็บปวด และควรจะเป็นห้องปฏิบัติการแห่งความเป็นพี่น้องกันโดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า สิ่งต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความจำเป็น 2 ประการ คือ
1) ความสำนึกในศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล
2) ความสำนึกว่าเราแต่ละคนนั้นเป็นพี่น้องกัน โดยมีพระบิดาองค์เดียวกัน
เราไม่สามารถเงียบอยู่ได้ต่อไป (We cannot remain silent!)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงนำสวดภาวนาปิดเพื่อขอร้องให้เอาชนะความเย็นชาแบบใหม่ (the modern indifference) ที่นำไปสู่ประสบการณ์แห่งความทุกข์ทรมานของบรรดาผู้อพยพลี้ภัย ดังที่เราได้พบเห็นในข่าวประจำวัน ว่าบรรดาผู้อพยพลี้ภัยเหล่านี้วิงวอนขออาหาร ความช่วยเหลือ อิสระเสรีภาพ และความเป็นพี่น้อง แต่สิ่งที่พวกเขาเจอเป็นเพียงแค่ลวดหนาม ดังนั้น เราควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อที่จะเอาชนะวัฒนธรรมแห่งความเย็นชาเหล่านี้