พระเยซูคริสตเจ้าทรงแสดงหนทางจากทารกน้อยไปสู่ความยิ่งใหญ่ ( Jesus shows the way from littleness to greatness)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณวันพระคริสตสมภพ ณ พระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน ทรงนำการไตร่ตรองถึงการประสูติมาขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ในระหว่างกาลางคืน ที่มืดมิด มีดวงดาวส่องแสง มีเทวดาปรากฏมาแจ้งข่าวให้กับบรรดาคนเลี้ยงแกะว่า “ในวันนี้องค์พระผู้ไถ่ได้ประสูติมาแล้ว พระองค์คือพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์คือทารกน้อยที่มีผ้าพันพระกายนอนอยู่ในรางหญ้า”
ทารกผู้ยากจนมีผ้าพันกายในรางหญ้า (A poor child wrapped in swaddling cloths)
เตือนเราว่าพระเจ้าไม่ทรงเริ่มต้นในความยิ่งใหญ่ แต่เป็นความถ่อมตนของพระองค์สู่ความเป็นทารกน้อย แสดงให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ความสุภาพถ่อมตนเพื่อที่จะมาอยู่ใกล้ชิดมนุษย์ เพื่อช่วยเราให้รอด และนำเรากลับไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง
ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปรากฎให้เห็นในทารกน้อย (God’s grandeur appears in littleness)
ศูนย์กลางของข่าวสารและภาพที่ปรากฏในวันนี้คือ #องค์พระกุมาร เป็นความสมบูรณ์ในความเล็กน้อยของพระองค์ พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เรา “ประหลาดใจกับความจริงที่น่าอับอายนี้” ทำไมพระเจ้าที่ทรงโอบกอดโลกและจักรวารถึงสามารถมาอยู่ในมือของมนุษย์ได้ ทำไมองค์พระผู้สร้างดวงอาทิตย์ต้องการความอบอุ่น และทำไมการบังเกิดมาอย่างสุภาพต้องการการดูแลเอาใจใส่ นั่นเป็นเพราะว่า พระเจ้าต้องการแสดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในความเป็นทารกร้อย
พระเจ้าขอความรักที่อ่อนโยนและความเล็กน้อยที่อยู่ภายใน (God asks for tender love and interior littleness)
ความท้าทายของคริสต์มาสอยู่ที่ เราสามารถเลียนแบบสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงแสดงให้เราได้เห็นได้หรือไม่ เมื่อมนุษยชาติมีความโน้มเอียงที่อยากจะเห็นความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ เมื่อพระเจ้าได้ทรงถ่อมพระองค์ลง...แต่เรากลับทำตัวเราให้ยิ่งใหญ่ขึ้น
พระเจ้าได้ทรงบังเกิดท่ามกลางคนเลี้ยงแกะและคนยากจน พระองค์ไม่ทรงแสวงหาอำนาจและการครอบครอง แต่พระองค์ต้องการแสดงความรักที่อ่อนโยนและความเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ภายใน ดังนั้น ให้เราได้วอนขอพระหรรษทานแห่งความเล็กน้อยด้วยการเชื้อเชิญพระองค์ให้เข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเรา ในครอบครัวของเรา ในหมู่คณะของเรา เพื่อที่เราจะได้มอบความรักเช่นนี้ไปสู่คนอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่พระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางเราเพื่อรับใช้และเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา แม้ในการดำเนินชีวิตที่ธรรมดาในแต่ละวัน เราควรทำสิ่งที่ธรรมดา ๆ ด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่
เชื่อและเปิดใจ (Trust and have an open heart)
เมื่อเราได้เชื้อเชิญองค์พระเยซูคริสตเจ้าเข้ามาสู่มุมเล็ก ๆ ในชีวิตของเรา ซึ่งรวมถึง ความอ่อนแอ ปัญหา รอยแผล และระลึกถึงความเป็นจริงที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าทรงเตือนเราว่า พระองค์ทรงรักเราอย่างที่เราเป็น ทรงอยู่ใกล้ชิดกับเรา และขอให้เราเชื่อไว้ใจและเปิดหัวใจของเราออก
เราถูกเชื้อเชิญให้สวมกอดองค์พระเยซูคริสตเจ้าในผู้เล็กน้อยของวันนี้ ด้วยการรักเพื่อนพี่น้องที่ต่ำต้อย คนยากจน คนที่ถูกลืม คนยากจน เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ในพวกเขา
ทุกสิ่งถูกรวมเข้ากันไว้ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า (Everything united with Jesus at the centre)
พระเยซูคริสตเจ้าทรงบังเกิดมาใกล้ชิดกับคนยากจนและคนที่ถูกลืม พระองค์ทรงยกระดับพวกเขา (คนเลี้ยงแกะ) และเปิดเผยพระองค์เองให้พวกเขาทราบ มากกว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญในสายตาของชาวโลก
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวถึงศักดิ์ศรีของทุกคนที่ทำงาน เป็นพิเศษ งานที่ต่ำต้อย งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ควรได้รับความเคารพ เราต้องทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า "จะไม่มีผู้เสียชีวิตในที่ทำงานอีกต่อไป!"
ในการบังเกิดมาขององค์พระผู้ไถ่ เราได้เห็นโหราจารย์ 3 องค์ มานมัสการพระองค์ นั่นทำให้เราได้เห็นว่า องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้แสดงพระองค์เองแก่คนยากจนและคนร่ำรวยอย่างไรที่เมืองเบธเลเฮม ทุกสิ่งสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้เมื่อมีองค์พระเยซูคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง
ให้เรากลับไปยังเบธเลเฮมต้นกำเนิดของเรา (Let us return to Bethlehem, our origins)
เบธเลเฮม เป็นต้นกำเนิดและสาระสำคัญของความเชื่อ ถึงความรักครั้งแรกของเรา การนมัสการ และความเมตตา เช่นเดียวกับพระศาสนจักรที่เป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวเดินไปด้วยกันทุกวันนี้ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของครอบครัวมนุษยชาติในการนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า ถูกแสดงให้เราเห็นได้ในครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ บรรดาคนเลี้ยงแกะ โหราจารย์ นี่คือตัวอย่างสำหรับในวันนี้ในการนมัสการพระเจ้า, คนยากจน, และพระศาสนจักรที่เป็นพี่น้องกัน
“ขอให้เราปลุกเร้าตัวเอง เพราะคืนนี้มีแสงสว่างส่องแล้ว เป็นแสงแห่งความเมตตากรุณา เตือนเราว่า ในความเป็นผู้เล็กน้อยของเรา เราเป็นบุตรธิดาอันเป็นที่รัก ลูกของความสว่าง”