นักบุญโยเซฟจากบุรุษช่างฝันสู่การแยกแยะเสียงของพระเจ้า (St Joseph 'a dreamer able to discern God's voice')
พระสันตะปาปาฟรังซิสนำการไตร่ตรองชีวิตของนักบุญโยเซฟ โอกาสเข้าเฝ้าทั่วไปในวันพุธที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2022 โดยในพระคัมภีร์ ความฝันถือเป็นวิธีการหนึ่งที่พระเป็นเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองและตรัสกับมนุษย์ ความฝันยังเป็นเครื่องหมายทางด้านชีวิตจิตของเราแต่ละคน เป็นพื้นที่ภายในที่เราแต่ละคนถูกเรียกให้ปลูกฝังและเฝ้าระวัง
แต่ให้เราระวังเสียงอื่น ๆ ภายในตัวของเราด้วย เช่น ความกลัว ประสบการณ์ต่าง ๆ ความหวัง หรือเสียงของปีศาจที่ต้องการเข้ามาหลอกลวงหรือทำให้เราสับสน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องรู้ปลูกฝังการแยกแยะ ที่ทำให้เราฟังเสียงของพระเจ้าได้ท่ามกลางเสียงอื่น ๆ
พระเจ้าจะทรงแสดงสิ่งที่เราควรจะทำ (God shows us the right thing to do)
ความฝันทั้ง 4 ครั้งของนักบุญโยเซฟในพระวรสาร เริ่มต้นจากการปรากฏมาของทูตสวรรค์ระหว่างที่ท่านนอนหลับ แล้วได้ช่วยให้ท่านยอมรับพระนางมารีที่ตั้งครรภ์แล้วมาเป็นภรรยาตามกฎหมายของตนเองทันที
“บ่อยครั้งในชีวิต เราอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่เข้าใจและดูเหมือนจะไม่มีทางแก้ไข การสวดภาวนาในช่วงระยะเวลาเหล่านั้นหมายถึงการปล่อยให้พระเจ้าแสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ”
พระเจ้าให้ความกล้าหาญแก่เรา (God gives us courage)
ความฝันครั้งที่สองของนักบุญโยเซฟ คือการได้รับเตือนว่าชีวิตของพระกุมารเยซูเจ้ากำลังจะได้รับอันตราย นักบุญโยเซฟก็เชื่อฟังพระเจ้าทันทีโดยการนำพระเยซูเจ้าและพระนางมารีหนีไปที่ประเทศอียิปต์
หลายครั้งที่เราอยู่ในอันตรายที่คุกคามตัวเราหรือบุคคลที่เรารัก การสวดภาวนาจึงหมายถึงการฟังเสียงของพระเจ้า ที่จะช่วยทำให้เรากล้าหาญเช่นเดียวกับนักบุญโยเซฟ
การภาวนานำแสงสว่างไปสู่ที่มืดมิด (Prayer brings light to darkness)
ในระหว่างการอพยพไปประเทศอียิปต์ นักบุญโยเซฟรอคอยด้วยความพากเพียรสำหรับเครื่องหมายจากพระเจ้า ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองด้วยความปลอดภัย ในความฝัน นักบุญโยเซฟได้ทราบว่า บุคคลที่คิดปองร้ายพระเยซูเจ้าได้ตายไปแล้ว ความฝันครั้งที่สี่จึงได้ให้คำแนะนำแก่ท่านให้กลับไปอยู่ที่เมืองนาซาเร็ธ เพราะที่เมืองเบธเลเฮมมีความไม่ปลอดภัยอันเนื่องมาจากกษัตริย์อารเคลาอัสผู้สืบตำแหน่งต่อจากกษัตริย์เฮโรดมหาราช
“ความกลัวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และต้องการการภาวนา นักบุญโยเซฟก็มีความกลัวเช่นเดียวกัน แต่พระเจ้าได้ทรงนำท่านให้ผ่านช่วงระยะเวลาเหล่านั้น พลังของการภาวนานำแสงแสว่างไปสู่ความมืดมน”
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชิญชวนให้เราภาวนาให้กับอีกหลาย ๆ คนในวันนี้ที่พวกเขาถูกบดขยี้ด้วยน้ำหนักของชีวิตและไม่สามารถที่จะสวดภาวนาได้อีกต่อไป ให้นักบุญโยเซฟได้ช่วยเหลือพวกเขาให้สามารถเปิดใจสนทนากับพระเจ้า เพื่อที่จะได้รับแสงสว่าง ความเข้มแข็ง และความช่วยเหลือ
สวดภาวนาให้กับบรรดาพ่อแม่ที่ลูก ๆ ของพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งยาก รวมถึงเด็ก ๆ ที่กำลังเจ็บป่วย ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ความยากลำบากในการเรียนรู้ ผู้ปกครองไม่ควรตกใจหรือตำหนิติเตียนบรรดาลูก ๆ ของตนเอง แต่ให้คิดถึงนักบุญโยเซฟ ว่าท่านสามารถเอาชนะเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้มาได้อย่างไร และวอนของให้นักบุญโยเซฟได้ช่วยเหลือเรา
ภาวนาไปพร้อมกับการทำกิจเมตตา (Combining prayer with charity)
การอธิษฐานไม่ได้เป็นเพียงแค่นามธรรม สิ่งที่จับต้องไม่ได้ หรือท่าทีภายในแต่อย่างเดียว แต่เชื่อมโยงกับการทำกิจเมตตาอย่างแยกไม่ออก “เราจะเข้าใจสารจากพระเป็นเจ้าเมื่อเราภาวนาไปพร้อม ๆ กับความรักที่เรามีต่อเพื่อนพี่น้อง”
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงจบบทเทศน์ของพระองค์ด้วย บทภาวนาต่อนักบุญโยเซฟ ว่า
โอ้ท่านนักบุญโยเซฟ บุรุษผู้ช่างฝัน
โปรดสอนเราให้ค้นพบชีวิตภายในที่อยู่ภายในจิตใจของเรา
เป็นสถานที่ซึ่งพระเป็นเจ้าประทับอยู่และช่วยเหลือเรา
โปรดถอดถอนความคิดที่ว่าการภาวนาเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ให้ออกไปจากชีวิตของเรา
ให้เราได้ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับที่พระเป็นเจ้าได้แสดงให้เราทราบ
ขอให้ความคิดของเราได้รับการส่องสว่างจากองค์พระจิตเจ้า
ให้หัวใจของเราเข้มแข็งด้วยพละกำลังของพระองค์
และความหวาดกลัวของเราได้รับความช่วยเหลือจากพระเมตตาของพระองค์ อาแมน
St Joseph, man who dreams,
teach us to recover the spiritual life
as the inner place where God manifests Himself and saves us.
Remove from us the thought that praying is useless;
help each one of us to correspond to what the Lord shows us.
May our reasoning be illuminated by the light of the Spirit,
our hearts encouraged by His strength
and our fears saved by His mercy. Amen.