ความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพช่วยให้เราเผชิญหน้ากับวาระสุดท้ายโดยปราศจากความหวาดกลัว (Faith in resurrection helps us face death without fear)
โอกาสเข้าเฝ้าทั่วไปวันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสยังคงเทศน์สอนต่อเนื่องเรื่องนักบุญโยเซฟ องค์อุปถัมภ์ของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจ การสิ้นใจอย่างราบรื่น อาศัยความช่วยเหลือจากพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์
อาศัยนักบุญโยเซฟทำให้เราได้พบกับพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ (Through St. Joseph to Mary to Jesus)
เมื่อประมาณ 100 ปี ที่แล้ว พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 15 ได้ตรัสไว้ว่า “ผ่านทางนักบุญโยเซฟเราสามารถพบกับพระนางมารีย์ได้โดยตรง และอาศัยพระนางมารีย์เราได้ค้นพบต้นกำเนิดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในองค์พระเยซูคริสตเจ้า” หมายความว่า การวิงวอนขอต่อนักบุญโยเซฟสำหรับผู้ที่กำลังจะสิ้นใจเพื่อวิงวอนขอความรอด การสิ้นใจอย่างราบรื่นและสงบ ได้รวมถึงคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ และพระเยซูคริสตเจ้าผู้ประทานความรอดแก่วิญญาณทุกดวงที่มีความเชื่อในพระองค์
ความสัมพันธ์ของเรากับความตายเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน (Our relationship with death is about the present)
วัฒนธรรมที่เรียกว่า “ความรู้สึกที่ดี” (feel-good) พยายามที่จะขจัดความเป็นจริงของความตาย (ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความกลัว) ออกไป แต่การระบาดได้ช่วยทำให้เราได้ไตร่ตรองถึงสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้น โดยมีคนจำนวนมากที่ตายโดยที่ไม่มีคนรักอยู่ใกล้พวกเขา ทำให้ความตายเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับและยอมให้เกิดขึ้นได้
มนุษย์เรามีความพยายามที่จะยืดชีวิตของเราให้ออกไปมากที่สุด โดยหลอกตัวเองว่าเราสามารถขจัดอำนาจของความตายและความกลัวให้ออกไปได้ ความเชื่อเที่ยงแท้ของคริสตชนไม่ใช่การแสวงหาวิธี่จะขับไล่ความกลัวตายให้ออกไป แต่เป็นการเผชิญหน้ากับบความตายด้วยความไว้วางใจ
การเผชิญหน้ากับความตายด้วยความเชื่อในการกลับคืนชีพ (Facing death through faith in resurrection)
ความเชื่อเที่ยงแท้เกี่ยวกับพระธรรมล้ำลึกแห่งความตาย มาจากความเชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เราได้คิดถึงพระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าอย่างชัดเจน และช่วยให้เราได้มองดูทุกชีวิตด้วยดวงตาอันสดใส หากวันหนึ่งเราสูญเสียชีวิตไป ทรัพย์สินทั้งหลายที่เราครอบครองในโลกนี้ก็สูญเปล่า เราควรจะสะสมคุณงามความดี ความสามารถที่จะแบ่งปัน และความสนใจต่อความต้องการของคนอื่นมากกว่า
พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงเตือนเราว่า ความตายได้เข้ามาหาชีวิตของเราเหมือนกับโจร แม้ว่าเราจะวางแผนเพื่อป้องกัน และเตรียมการมาถึงของความตายมากเท่าใด ความตายก็ยังเป็นเหตุการณ์ที่เราคำนึงถึง และเมื่อเวลานั้นมาถึง เราเองต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการมีชีวิตอยู่หรือความตาย
เราจะทะเลาะกับพี่น้องของเราไปเพื่ออะไร? เพราะก่อนที่เราจะเสียชีวิตลง หลายปัญหากลับกลายเป็นเรื่องเล็กหรือมองไม่เห็น เป็นการดีกว่า หากเรามีโอกาสได้คืนดีกันก่อนที่จะเสียชีวิต และสิ้นใจโดยปราศจากความขุ่นเคืองใจและการเสียใจ
2 เงื่อนไขสำหรับคริสตชน (Two considerations for Christians)
ประการแรก เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้ แม้ว่าเราจะทำการเยียวยารักษาความเจ็บป่วยมากมายเพียงใด การรักษาที่ไร้ประโยชน์ก็ถือเป็นการผิดศีลธรรม
ประการที่สอง เกี่ยวกับคุณภาพของการตาย รวมทั้งความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมาน เราต้องขอบคุณสำหรับการเยียวยารักษาทั้งหมดที่เรียกว่า “การดูแลแบบประคับประคอง” แต่ต้องระวังอย่าให้ความช่วยเหลือนี้สับสนกับ “การุณยฆาตที่ไม่อาจยอมรับได้”
“เราต้องติดตามผู้คนไปสู่ความตายแต่ไม่ก่อให้เกิดความตายหรืออำนวยความสะดวกในการฆ่าตัวตาย” พระบิดาทรงเรียกร้องให้จัดลำดับความสำคัญในการดูแลและรักษาทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้อ่อนแอ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย อย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยต้องอยู่โดยลำพังหรือถูกแยกตัวออกไป และเร่งการตายของบรรดาผู้สูงอายุเหล่านั้นให้เร็วขึ้น
“ชีวิตคือสิทธิ ไม่ใช่ความตาย เราต้องยอมรับความตายที่สงบ หรือสมเหตุสมผลซึ่งไม่ใช่การลงมือเพื่อให้เกิดความตาย หลักการทางจริยธรรมนี้ใช้ได้กับทุกคน ไม่ใช่เพียงกับคริสตชนเท่านั้น
วันทามารีย์ (Hail Mary)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงวิงวอนขอต่อนักบุญโยเซฟ ให้ช่วยเราปฏิบัติตามพระธรรมล้ำลึกเรื่องความตายอย่างเหมาะสมที่สุด เพราะสำหรับคริสตชน การตายดีเป็นประสบการณ์ของพระเมตตาของพระเจ้า ผู้ทรงมาใกล้ชิดเราในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต จากนั้น เชิญชวนให้ทุกคนที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ได้สวดบทวันทามารีย์ สำหรับการตายและผู้ที่มีประสบการณ์แห่งความโศกเศร้า เพราะในบทภาวนานี้เราได้ขอให้แม่พระได้อยู่ใกล้ชิดกับเราทั้งบัดนี้และในวาระใกล้จะตาย (อาแมน) ...