พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศเอสโตเนีย (Estonia) ได้จัดสัมมนาออนไลน์ถึงความก้าวหน้าในกระบวนการสอบสวนเพื่อการประกาศเป็นนักบุญมรณสักขีของอาร์คบิชอปเอ็ดเวิร์ด โปรฟิทลี่ คณะเยสุอิต (Archbishop Eduard Profittlich, SJ.) หลังจากที่ได้ส่งเอกสารประกอบการสอบสวนไปให้สมณกระทรวงเพื่อการสถาปนาบรรดานักบุญเมื่อ ค.ศ. 2019 และโอกาสครบรอบ 80 ปี มรณกรรมของท่าน
ผู้รับใช้ของพระเจ้า อาร์คบิชอป โปรฟิทลี่ เป็นชาวเยอรมันที่ทำงานในประเทศเอสโตเนียตั้งแต่ ค.ศ. 1931 ได้ถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียและเป็นมรณสักขีที่เรือนจำเมืองคิรอฟ (Kirov) ชายแดนของสหภาพโซเวียตในอดีต เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941
ร่วมในความทุกข์ยากของฝูงแกะ (Sharing fate of his flock)
อาร์คบิชอปโปรฟิทลี่ เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในช่วงระยะเวลาการทำงานของท่าน แม้ว่าประชากร 78 % ของประเทศเอสโตเนียจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเธอรันก็ตามในช่วงทศวรรษ 1930, ในปี ค.ศ. 1940 ประเทศเอสโตเนียได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสหภาพโซเวียต แม้ว่าท่านจะมีสัญชาติเยอรมัน แต่ท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งฝูงแกะไปที่อื่น แต่ได้อยู่ท่ามกลางพวกเขาในค่ายกักกัน ร่วมกับชาวเอสโตเนียนคนอื่น ๆ กว่า 20,000 คน
กระแสเรียกแห่งการเป็นผู้ประกาศข่าวดี (Missionary vocation)
อาร์คบิชอปโปรฟิทลี่เป็นผู้ประกาศข่าวดีที่กระตือรือร้น ท่านถูกส่งตัวมาทำงานที่ประเทศเอสโตเนีย ท่านทุ่มเทการทำงานอย่างสุดกำลังในนามของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยเฉพาะการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตชนนิกายออร์ทอด็อกซ์และโปรแตสแตนท์นิกายต่าง ๆ แม้ในความทุกข์ยาก ท่านเลือกที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า อาศัยการภาวนาอย่างลึกซึ้ง และความสัมพันธ์กับพระสันตะปาปา
มงกุฎแห่งมรณสักขี (Crown of martyrdom)
ไม่กี่เดือนก่อนที่อาร์คบิชอปโปรฟิทลี่จะถูกจับไปเป็นเชลยที่สหภาพโซเวียต ท่านรู้ชะตากรรมชีวิของท่าน ท่านได้เขียนจดหมายไปยังพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 เพื่อขอคำแนะนำว่า ท่านควรจะอยู่ต่อไปที่ประเทศเอสโตเนียหรือว่าควรจะหนีไปอยู่ที่อื่น ท่ามกลางความอันตรายและความยุ่งยากในขณะนั้น ดังมีในความในจดหมายว่า
“ ... ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีและมีสันติสุขในจิตใจ ในการทำงานท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในความทุกข์ยาก และพร้อมที่จะถวายความทุกข์ยากลำบาก เพื่อทำให้พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นจริงในแผ่นดินนี้ (ประเทศเอสโตเนีย) ...