พระเยซูเจ้าตรัสกับเปโตรทีสวนเกทเสมนีว่า “ท่านตื่นเฝ้าอยู่กับเราสักหนึ่งชั่วโมงไม่ได้หรือ” (มธ ๒๖:๔๐) แต่สำหรับเราขอแค่ ๑ นาทีกับพระเมตตาของพระเยซูเจ้าไม่ได้หรือ.....
วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน
จงเพ่งพิศบาดแผลของเรา
ตอนค่ำ ดิฉันเห็นพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน พระโลหิตอันประเสริฐยิ่งของพระองค์หลั่งไหลออกมาจากพระหัตถ์ พระบาทและพระสีข้างของพระองค์ หลังจากนั้นสักพัก พระเยซูเจ้าตรัสกับดิฉันว่า“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความรอดของวิญญาณทั้งหลาย ลูกรัก จงพิจารณาให้ดีว่าลูกกำลังทำอะไรเพื่อความรอดของวิญญาณเหล่านั้น”ดิฉันทูลตอบว่า “พระเยซูเจ้าข้า เวลาที่ลูกเฝ้าดูความทุกข์ทรมานของพระองค์ ลูกเห็นว่าลูกแทบจะไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อความรอดของวิญญาณเลย” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับดิฉันว่า “ลูกเอ๋ย จงรู้ไว้เถิดว่า มรณสักขีกรรมที่ลูกทนรับเงียบๆในแต่ละวันตามประสงค์ของเรานั้น ได้นำวิญญาณเป็นอันมากเข้าสู่สวรรค์ และเมื่อใดที่ลูกเห็นว่าความทรมานของลูกมากเกินกำลัง ก็จงเพ่งพิศบาดแผลของเรา แล้วลูกจะเอาชนะการเหยียดหยามและการตัดสินของมนุษย์ได้ การรำพึงถึงมหาทรมานของเราจะช่วยให้ลูกเอาชนะทุกอย่างได้ดิฉันเข้าใจหลายเรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจก่อนหน้านี้” (บันทึกพระเมตตาในวิญญาณนักบุญโฟสตินา ข้อ ๑๑๘๔)
ภาวนาตอบรับพระเมตตา
พระเยซูเจ้าข้า “โปรดทรงสอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามพระประสงค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ขอให้พระจิตโอบเอื้อของพระองค์ นำข้าพเจ้าไปยังแผ่นดินราบเรียบ”(สดด. ๑๔๓: ๑๐)
พระเยซูเจ้า ผู้อ่อนหวาน ลูกจะใช้ชีวิตของลูกตามน้ำพระทัยของพระองค์ เหมือนดั่งที่พระองค์ทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา“เรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” (ยน. ๕: ๓๐)
อาแมน
คุณพ่อเอนก นามวงษ์
ถ้าเขาทำผิดต่อท่านวันละเจ็ดครั้ง และกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดครั้ง
พูดว่า “ฉันเสียใจ” ท่านจงให้อภัยเขาเถิด’
(ลก. ๑๗:๔)